เมื่อไม่กี่ปีก่อน ชุมชนคริปโตหลายคนเคยยกให้ Bitcoin เป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” แต่ปัจจุบันมีคนนิยามแบบนั้นน้อยลงมาก
สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-Haven Asset) คือ สินทรัพย์ที่สามารถรักษาหรือเพิ่มมูลค่าได้ในช่วงที่เศรษฐกิจเผชิญกับความไม่แน่นอน ตัวอย่างเช่น พันธบัตรรัฐบาล สกุลเงินอย่างดอลลาร์สหรัฐ สินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำ หรือแม้แต่หุ้นบลูชิพ
อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดจากสงครามการค้าทั่วโลกที่เกิดจากสหรัฐฯ และรายงานเศรษฐกิจที่น่ากังวลได้ทำให้ตลาดหุ้นร่วงหนัก รวมถึง Bitcoin ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นหาก BTC เป็น “สินทรัพย์ที่ปลอดภัยจากความเสี่ยง” อย่างที่หลายคนเคยเชื่อ
นับตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมในปีนี้ ทองคำทำราคาพุ่งขึ้นมากว่า 10% แล้ว ในขณะที่ Bitcoin ราคากลับร่างดิ่งลงมากกว่า -10% เช่นกัน ซึ่งทาง Kobeissi Letter ได้ให้ความเห็นว่าคริปโตไม่ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยอีกแล้วในขณะนี้

ผู้เชี่ยวชาญบางคนให้ความเห็นว่า พวกเขาไม่ได้มอง Bitcoin เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมาตั้งแต่แรก โดยยกตัวอย่างให้เห็นว่า Bitcoin สามารถปรับฐานรุนแรงได้สูงสุดถึง 80% ซึ่งกรณีแบบนั้นเราจะไม่มีวันได้เห็นในตลาดทองคำ ขณะที่ความเห็นอีกฝ่ายยังคงเชื่อมั่นว่า Bitcoin ยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากวิกฤตต่าง ๆ ไม่ใช่วิกฤตเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสงคราม, โรคระบาด และอื่น ๆ
นอกจากนี้การเข้ามาของนักลงทุนสภาบัน และ กองทุน ETFs ยังทำให้ภาพลักษณ์และมุมมองของ Bitcoin เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ที่นอกจากจะไม่ได้มาทำให้ Bitcoin ปลอดภัยขึ้นแล้วยังจะทำให้ภาพจำของ Bitcoin จากทองคำดิจิทัลกลายเป็นเหมือนดังหุ้นเทคทั่วไป และนั่นยังไม่รวมถึงสัดส่วนการถือครองที่เปลี่ยนไป

อย่างไรก็ตาม Kobeissi Letter ระบุว่าความผันผวนในระยะสั้นนั้นไม่ส่งผลต่อศักยภาพในระยะยาวของ Bitcoin เพราะรากฐานของ Bitcoin ยังคงแน่นหนาแม้จะเผชิญหน้ากับขาลง ซึ่งถ้าเมื่อไรก็ตาม Bitcoin ได้พบเจอกับชนวนที่จะจุดประกายมันขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เหตุการณ์นั้นจะช่วยพยุงราคา Bitcoin ให้กลับขึ้นมาได้อีก แต่จะเกิดขึ้นเมื่อไรก็มิอาจทราบได้
ที่มา : Cointelegraph