กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการคริปโต เมื่อแฮกเกอร์รายหนึ่งได้เคลื่อนย้ายเงินดิจิทัลที่ขโมยไปมูลค่ากว่า 300 ล้านดอลลาร์ โดยล่าสุดมีการตรวจพบว่าเขาได้ซื้อ Ethereum (ETH) จำนวน 4,863 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 12.55 ล้านดอลลาร์ หลังจากเพิ่งขาย ETH จำนวน 26,762 เหรียญ มูลค่ารวมกว่า 69.25 ล้านดอลลาร์ไปก่อนหน้านี้ โดยการเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางราคาของ ETH ที่ผันผวน ซึ่งเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2025 ราคา ETH ขึ้นไปแตะที่ระดับ $2,579.86 ตามข้อมูลของ CoinMarketCap
การโจมตีในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีช่องโหว่ในระบบของ Coinbase หนึ่งในแพลตฟอร์มเทรดคริปโตชื่อดัง ซึ่งกำลังถูกจับตาเรื่องความถี่ของการแฮกที่เพิ่มสูงขึ้น นักวิเคราะห์บล็อกเชนชี้ว่า แฮกเกอร์ใช้วิธีการฟอกเงินที่ซับซ้อน และเลือกใช้ Ethereum ในการทำธุรกรรมเพื่อซ่อนร่องรอย
การใช้ ETH เป็นเครื่องมือในการฟอกเงินกลายเป็นเรื่องปกติในหมู่แฮกเกอร์ เพราะสามารถกระจายเหรียญผ่านกระเป๋าเงินหลายใบและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้ง่าย เหมือนกับกรณี NiceHash ที่เคยถูกแฮกไปถึง 64 ล้านดอลลาร์ในปี 2017 ซึ่งผู้ก่อเหตุสามารถซ่อนเงินได้อย่างแนบเนียน
สิ่งที่น่ากังวลคือแนวโน้มของอาชญากรรมบนโลกคริปโตที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายงานว่าบางครั้งแฮกเกอร์ถึงขั้นติดสินบนพนักงานวงใน เพื่อเข้าถึงข้อมูลของลูกค้า และยังเคยมีการเรียกค่าไถ่เป็นเงินดิจิทัลมูลค่าสูงถึง 20 ล้านดอลลาร์อีกด้วย
แม้ปัจจุบันจะมีเครื่องมือวิเคราะห์บล็อกเชนที่สามารถติดตามเส้นทางเงินที่ถูกขโมยได้ แต่ก็ยังไม่สามารถสกัดกั้นหรือจับผู้กระทำผิดได้ทั้งหมด หน่วยงานรัฐและเอกชนทั่วโลกจึงเริ่มเพิ่มความร่วมมือกันมากขึ้น ทั้งในแง่การติดตามธุรกรรม การลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัย และการออกกฎหมายที่เข้มงวดขึ้น เพื่อรับมือกับภัยคุกคามนี้
ในอนาคต การปรับปรุงระบบติดตามธุรกรรมบนบล็อกเชนและการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศจะเป็นหัวใจสำคัญในการต่อสู้กับอาชญากรรมในโลกคริปโตที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วนี้.
ที่มา: coinfomania

