ในการให้สัมภาษณ์กับ CNBC เมื่อวันพุธที่ผ่านมา Brad Garlinghouse ซีอีโอของ Ripple กล่าวว่าบริษัทจะเลือกใช้ XRP “ในเคสที่เหมาะสม” โดยระบุว่า
“เรามีการใช้ stablecoin และใช้ XRP ในเคสที่มันมีความเหมาะสม”
เขาเน้นย้ำว่า แก่นหลักของ Ripple คือการเป็นบริษัทด้านระบบการชำระเงินที่มุ่งแก้ไขปัญหาการโอนเงินข้ามพรมแดน โดยกล่าวเพิ่มเติมว่า
“เราก้าวเข้าสู่ตลาดช้ากว่ารายอื่น ๆ ส่วนหนึ่งเพราะว่าเราเลือกใช้ stablecoin ในกระบวนการชำระเงินสำหรับลูกค้าสถาบันของเรา”
ล่าสุด มูลค่าตลาดของ stablecoin ที่มีชื่อว่า RLUSD ซึ่งออกโดย Ripple ได้พุ่งทะลุ 500 ล้านดอลลาร์ และ Garlinghouse ระบุว่า “เรารู้สึกพึงพอใจอย่างมากกับการเติบโตของมัน” เขายังอ้างถึงขนาดของตลาด stablecoin ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ารวมประมาณ 250,000 ล้านดอลลาร์ พร้อมเสริมว่าตลาดนี้ยังมีพื้นที่ให้เติบโตอีกมากตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรม
“คุณรู้ไหม หลายคนคิดว่าตลาดนี้จะเติบโตขึ้นเป็น 1 ถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ภายในเวลาไม่กี่ปีข้างหน้า”
ในช่วงเช้าวันเดียวกันนั้น Ripple ยังได้ยืนยันว่า บริษัทได้เลือก BNY Mellon เป็นผู้ดูแลหลักสำหรับทุนสำรองที่สนับสนุน stablecoin RLUSD โดย Garlinghouse ยกย่อง BNY Mellon ว่าเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์ที่ “น่าเชื่อถือที่สุด”
“การได้ทำงานกับพันธมิตรที่น่าเชื่อถือที่สุด มีการกำกับดูแลที่เข้มงวดที่สุด และมีเงินทุนรองรับอย่างแข็งแกร่งที่สุด ถือเป็นหนทางหนึ่งในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบนี้ต่อไป”
ท้ายที่สุด Garlinghouse ยังกล่าวถึงมุมมองของเขาต่ออนาคตของคริปโต โดยให้ความเห็นว่า โลกจะไม่ถูก “คริปโตเข้าครอบงำ” แต่ควรมุ่งเน้นไปที่การนำสิ่งที่ดีที่สุดจากเทคโนโลยีคริปโตมาเสริมสร้างระบบการเงินดั้งเดิม
“โลกจะไม่ถูกคริปโตเข้าครอบงำ แต่สิ่งที่เราควรทำคือการนำจุดแข็งของคริปโตมาผสานเข้ากับการเงินแบบดั้งเดิมให้ดีที่สุด”
ที่มา : U.Today

