จีนและสหรัฐฯ เห็นพ้องที่จะเพิ่มการสื่อสารและบทสนทนาในทุกระดับและหลากหลายช่องทาง รวมถึงระดับนักการทูตอย่างเป็นทางการ หลังรัฐมนตรีต่างประเทศจีน “หวัง อี้” พบหารือกับ “มาร์โก รูบิโอ” รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ คนใหม่ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งนับเป็นการพบกันครั้งแรกแบบเผชิญหน้าระหว่างทั้งสองฝ่ายนับตั้งแต่รูบิโอเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม
กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้ใช้กลไกทางการทูตเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคี พร้อมหารือแนวทางขยายความร่วมมือ และบริหารจัดการความแตกต่างระหว่างกันอย่างสร้างสรรค์ โดยการพูดคุยครั้งนี้ถูกอธิบายว่าเป็นไปอย่าง “เชิงบวก มีเหตุมีผล และสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม”
หวัง อี้ ย้ำหลักการของจีนในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พร้อมระบุว่าทั้งสองฝ่ายควรแปลงฉันทามติที่ผู้นำสูงสุดของทั้งสองประเทศเคยตกลงไว้ให้กลายเป็นนโยบายและการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม โดยเขาแสดงความหวังว่าสหรัฐฯ จะมองจีนอย่างมีเหตุผล เป็นกลาง และพร้อมร่วมมือในลักษณะ “อยู่ร่วมกันอย่างสันติและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน”
ในฝั่งของรูบิโอ เขากล่าวกับสื่อมวลชนว่า มี “ความเป็นไปได้สูง” ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะมีโอกาสพบปะกันภายในปีนี้ แม้ยังไม่สามารถกำหนดวันที่แน่ชัดได้ในขณะนี้ แต่ระบุว่าทั้งสองฝ่ายมี “ความต้องการที่แข็งแกร่ง” ในการให้การพบปะเกิดขึ้นจริง
การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ทั้งสองประเทศกำลังพยายามลดความตึงเครียดทางการค้าหลังจากสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์กลับมาใช้มาตรการทางภาษีต่อหลายประเทศในเอเชีย รวมถึงสมาชิกอาเซียน 8 ประเทศ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 สิงหาคม หากยังไม่มีการเจรจาใหม่ในเวลาที่เหลือ
ฝ่ายจีนเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยหวัง อี้ ใช้โอกาสในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนครั้งนี้ เพื่อย้ำบทบาทของจีนในฐานะหุ้นส่วนที่มั่นคงของภูมิภาค พร้อมส่งสัญญาณว่าจีนยังคงให้ความสำคัญกับการทูตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพร้อมเสริมสร้างความร่วมมือในด้านต่าง ๆ รวมถึงการค้าการลงทุน
ขณะที่รูบิโอกล่าวว่าสหรัฐฯ จะไม่ปล่อยให้จีนได้เปรียบจากนโยบายภาษีใหม่ โดยย้ำว่าการเจรจาในภูมิภาคนี้เป็นการ “รีเซ็ตระบบการค้าโลก” ให้เป็นธรรมมากขึ้นต่อแรงงานอเมริกัน หลังจากที่เสียเปรียบมาหลายทศวรรษ และยืนยันว่าเป้าหมายของสหรัฐฯ คือการรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
แม้ความขัดแย้งเชิงยุทธศาสตร์ยังคงอยู่ แต่ทั้งสองฝ่ายก็ส่งสัญญาณว่า การพบกันครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูความสัมพันธ์และเปิดพื้นที่ความร่วมมือใหม่ ๆ ระหว่างสองประเทศมหาอำนาจของโลกในยุคปัจจุบัน
ที่มา : cnnworld