Fairshake ซึ่งเป็นคณะกรรมการดำเนินการทางการเมือง (PAC) ในสหรัฐฯ ที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทคริปโตชั้นนำอย่าง Coinbase และ Ripple Labs ได้รายงานว่าปัจจุบันมีสินทรัพย์ในครอบครองถึง 141 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ในการสร้างอิทธิพลต่อการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร Fairshake ระบุว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 เพียงอย่างเดียว คณะกรรมการสามารถระดมทุนได้ประมาณ 52 ล้านดอลลาร์ โดยในจำนวนนี้มาจาก Coinbase เป็นเงิน 25 ล้านดอลลาร์ เมื่อรวมกับเงินทุนที่ระดมได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 ซึ่งอยู่ที่ 109 ล้านดอลลาร์ ทำให้ปัจจุบัน Fairshake มีเงินทุนในมือมากกว่าที่เคยใช้ไปทั้งหมดในการเลือกตั้งสภาคองเกรสครั้งก่อนเสียอีก
Fairshake ได้เริ่มใช้เงินทุนก้อนนี้ไปแล้ว โดยผ่านองค์กรในเครืออย่าง Defend American Jobs และ Protect Progress ซึ่งได้ใช้เงินไปแล้วกว่า 2 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนผู้สมัครในการเลือกตั้งซ่อมสภาคองเกรสปี 2025 ในรัฐเวอร์จิเนียและฟลอริดา นาย Josh Vlasto โฆษกของ Fairshake กล่าวกับ Cointelegraph ว่าคณะกรรมการ “กำลังประเมินการแข่งขันอยู่เสมอ ทั้งในตอนนี้และต่อเนื่องไปจนถึงปี 2026” เพื่อมองหาโอกาสในการใช้จ่ายเงินทุน
เป็นที่เชื่อว่า Fairshake มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2024 หลังจากที่ได้ใช้เงินกว่า 130 ล้านดอลลาร์ไปกับสื่อเพื่อสนับสนุนผู้สมัครที่มีนโยบาย “สนับสนุนคริปโต” หรือต่อต้านผู้สมัครที่มีนโยบาย “ต่อต้านคริปโต” ผลลัพธ์จากการเลือกตั้งครั้งนั้นทำให้พรรครีพับลิกันได้ครองเสียงข้างมากแบบฉิวเฉียดทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา โดยมีสมาชิกรัฐสภาที่ถูกมองว่าเป็นฝ่ายสนับสนุนคริปโตถึง 270 คนในทั้งสองสภา
อิทธิพลของเงินทุนจากกลุ่มสนับสนุนคริปโตนี้เห็นได้อย่างชัดเจนในปัจจุบัน ขณะที่ผู้นำของพรรครีพับลิกันในสภากำลังพยายามผลักดันร่างกฎหมายคริปโต 3 ฉบับ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ได้สั่งการให้สมาชิกพรรคของเขาสนับสนุนร่างกฎหมาย Stablecoin ที่ชื่อว่า GENIUS Act ซึ่งรวมถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากฟลอริดาสองคนที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งซ่อมโดยได้รับการสนับสนุนจากเงินทุนของ PAC คริปโตอย่างนาย Randy Fine และนาย Jimmy Patronis ด้วย หากความพยายามของ Fairshake ในการเลือกตั้งกลางเทอมปี 2026 ประสบความสำเร็จ ก็อาจทำให้พรรครีพับลิกันและประธานาธิบดีทรัมป์มีเสียงสนับสนุนในสภามากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การผลักดันวาระทางกฎหมายต่างๆ รวมถึงกฎหมายที่กำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นไปได้ง่ายขึ้น
ที่มา: cointelegraph