Telegram แอปพลิเคชันส่งข้อความยอดนิยม ได้เริ่มเปิดตัววอลเล็ตคริปโตเคอร์เรนซีของตนเองให้กับผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกาแล้ว ซึ่งถือเป็นการขยายบริการบนบล็อกเชนครั้งสำคัญที่อาจเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การใช้งานคริปโตในชีวิตประจำวันครั้งใหญ่
TON Wallet ซึ่งสร้างขึ้นบนบล็อกเชน The Open Network (TON) ได้กลายเป็น “วอลเล็ตคริปโตแบบที่ผู้ใช้ควบคุมเอง” (Self-Custodial) รายแรกที่ถูกผนวกรวมเข้ากับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียขนาดใหญ่ที่ให้บริการแก่ผู้ใช้งานในสหรัฐฯ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจาก TON Foundation โดยจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถส่ง, รับ และจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลได้โดยตรงจากภายในแอปพลิเคชัน Telegram โดยไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดโปรแกรมหรือส่วนขยายเบราว์เซอร์เพิ่มเติมใดๆ ทั้งสิ้น
การเปิดตัวครั้งนี้จะทำให้ผู้ใช้งานชาวอเมริกันซึ่งมีอยู่กว่า 87 ล้านคน สามารถเข้าถึงระบบนิเวศของ TON ได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งประกอบไปด้วยแอปพลิเคชันที่หลากหลายตั้งแต่เกม, การชำระเงิน ไปจนถึง DeFi และตลาดดิจิทัล โดยทั้งหมดนี้สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องออกจากหน้าต่างแชทของ Telegram เลย หัวใจสำคัญของ TON Wallet คือการที่ผู้ใช้งานยังคงสามารถควบคุม Private Key ของตนเองได้อย่างสมบูรณ์ผ่านการออกแบบที่เป็น Self-Custodial ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้เป็นเจ้าของสินทรัพย์ของตนเองอย่างแท้จริง
Egor Danilov ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ The Open Platform และ Telegram Wallet กล่าวกับ Cointelegraph ว่า “วอลเล็ตนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเชื่อมโยงผู้ใช้งานเข้ากับการชำระเงิน, เกม และเครื่องมือบนเชน ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่พวกเขาคุ้นเคยและใช้งานอยู่ทุกวัน” เขายังได้เน้นย้ำถึงความพยายามในการปกป้องผู้ใช้งานจากสแกมและการฟิชชิ่ง โดยระบุว่า “เรากำลังจะเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น Whitelist, Blacklist และเครื่องมือตรวจจับการฉ้อโกงขั้นสูงอื่นๆ ในเร็วๆ นี้”
นอกจากฟีเจอร์พื้นฐานแล้ว TON Wallet ยังมาพร้อมกับเครื่องมือซื้อขายในตัว, การ Staking และที่สำคัญที่สุดคือฟีเจอร์ “Off-ramp” ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถถอนเงินคริปโตกลับเข้าสู่บัตรธนาคารของตนเองได้โดยตรงเป็นครั้งแรก การเปิดตัวในสหรัฐฯ ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ The Open Platform ซึ่งเป็นผู้พัฒนาหลักของวอลเล็ต เพิ่งประสบความสำเร็จในการระดมทุนรอบ Series A ไป 28.5 ล้านดอลลาร์ และมีมูลค่าบริษัททะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ไปเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพและความพร้อมในการบุกตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างเต็มตัว
ที่มา: cointelegraph

