สงครามการสะสม Ether (ETH) ระหว่างบริษัทมหาชนได้ทวีความดุเดือดขึ้นไปอีกขั้น หลังจากที่ SharpLink ได้ประกาศดึงตัวอดีตผู้บริหารระดับสูงจาก BlackRock เข้ามาเสริมทัพ การเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่คู่แข่งคนสำคัญอย่าง BitMine Immersion Technologies เพิ่งจะประกาศเข้าซื้อ ETH ล็อตประวัติศาสตร์มูลค่ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SharpLink ระบุว่านาย Joseph Chalom อดีตผู้บริหารที่คร่ำหวอดอยู่ใน BlackRock มานานถึง 20 ปี จะเข้ามารับตำแหน่ง Co-CEO คนใหม่ของบริษัท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมเป็นต้นไป การดึงตัวครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง เนื่องจากนาย Chalom เคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของ BlackRock ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Crypto ETF ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังมีส่วนสำคัญในการเปิดตัวกองทุน iShares Ethereum Trust (ETHA) ที่ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายอีกด้วย
“ความมุ่งมั่นของ SharpLink ในการปรับทิศทางกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับระบบนิเวศของ Ethereum สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่กล้าหาญและมองไปข้างหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับความหลงใหลของผมในสินทรัพย์ดิจิทัลและการขยายขนาดนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการเงินอย่างลึกซึ้ง” นาย Chalom กล่าว
การประกาศแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่ BitMine ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งวงการด้วยการเปิดเผยว่าบริษัทได้เข้าซื้อ ETH เพิ่มเติมจนมียอดถือครองรวมสูงถึง 566,776 ETH (มูลค่ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งทำให้ BitMine แซงหน้ายอดถือครองของ SharpLink ที่ 360,807 ETH ขึ้นเป็น “ผู้ถือครอง ETH ในกลุ่มบริษัทมหาชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ได้สำเร็จ การ “เอาคืน” ของ SharpLink ด้วยการดึงตัวบุคลากรระดับมันสมองจาก BlackRock จึงเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าพวกเขาพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อทวงบัลลังก์กลับคืนมา
สงคราม “MicroStrategy แห่ง Ether” ครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่การแข่งขันกันสะสมเหรียญ แต่ยังเป็นการขับเคี่ยวกันของบุคคลสำคัญในวงการอีกด้วย โดย SharpLink ซึ่งมีนาย Joseph Lubin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum เป็นประธานกรรมการ กำลังเผชิญหน้ากับ BitMine ที่มีนาย Tom Lee นักวิเคราะห์กระทิงชื่อดังจาก Fundstrat เป็นประธานกรรมการ การดึงตัวผู้เล่นคนสำคัญจากสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกเข้ามาเสริมทัพของ SharpLink จึงเป็นการยกระดับการแข่งขันครั้งนี้ให้ดุเดือดยิ่งขึ้นไปอีกขั้น
ที่มา: cointelegraph