วันนี้ (31 กรกฏาคม) ทีมงานสยามบล็อกเชนได้รับเกียรติในการเข้าร่วมงานแถลงข่าว THB Programmable Payment โครงการภายใต้กรอบการทดสอบนวัตกรรมทางการเงินในขอบเขตที่จำกัดและภายในระยะเวลาที่กำหนดโดยบิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจมากมาย
THB Programmable Payment คืออะไร
สำหรับ Programmable Payment (THBK) อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย คือหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่กำหนดมูลค่าคงที่โดยอิงกับมูลค่าเงินสกุลบาท (1 THBK มีมูลค่าเท่ากับ 1 บาท) โดยมีกลไกการรักษามูลค่าในรูปแบบเงินฝากสกุลบาทในจํานวนไม่น้อยกว่ามูลค่าของ THBK ที่ถูกสร้างขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการประยุกต์ใช้กับบริการทางการเงินได้หลากหลายรูปแบบ
ความแตกต่างระหว่างไทยบาทปกติ และ THBK
ด้านความแตกต่างของเงินบาทปกติกับ THBK จะต่างกันตรงที่ THBK จะเป็นที่ทดสอบในวงจำกัดบนบล็อกเชนของ KUB และ JFIN ซึ่งมีขอบเขตกำหนดชัดเจน ไม่สามารถใช้เป็นการทั่วไปได้ และจะมีการทดสอบภายใต้ Regulatory Sandbox โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย

ตัวอย่างการใช้งาน THBK
ในส่วนของกรณีการใช้งานจริงของ THBK ทาง Bitkub ได้อธิบายว่าจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทการใช้งานในเบื้องต้น ซึ่งจะประกอบไปด้วย การใช้งานภายในแพลตฟอร์มของ KUB CHAIN เช่น Bitkub NFT เป็นต้น
ถัดมาจะเป็นการใข้งานในส่วน Escrow payment ที่คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการในเร็ว ๆ นี้ โดยเริ่มต้นจากการจับมือเป็นพันธมิตรกับซุปเปอร์มารเก็ตชื่อดัง Villa Market
ส่วนประเภทที่สามคือการใช้งานในรูปแบบของ Cross chain tranfer protocol (CCTP) ข้ามเครือข่ายไปยังระบบนิเวศของบล็อกเชน JFIN ซึ่งผู้ใช้สามารถโอน THBK จาก KUB Chain ไปยัง JFIN เพื่อใช้งานในเรื่องต่าง ๆ เช่น จับจ่ายใช้สอยกับ Jaymart , ซื้อกาแฟ หรือ NFT บน JNFT+ เป็นต้น โดยคาดว่าจะเปิดให้ใช้งานตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไปตามโร้ดแมปของทางโปรเจกต์
ทั้งนี้ ผู้ที่อยากจะเข้าร่วมทดสอบจำเป็นต้องใช้กระเป๋าเงิน bitkub next ในการทดสอบ ซึ่งต้องทำการลงทะเบียนยืนยันตัวตน (KYC) จากนั้นให้ทำการฝากเงินบาทเข้าไปในกระเป๋าเงินจึงจะเป็นอันเสร็จสิ้น
เปิดตัว Bitkub point และ KUB Gem
มากไปกว่านั้น ทาง Bitkub ยังได้มีการเปิดตัว Bitkub point ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จะมีการสร้างโทเคนแทนคะแนนสะสม (loyalty point) บนบล็อกเชน ด้วยมาตรฐาน KAP-22 ซึ่งโทเคนตัวแรกได้ถูกเปิดตัวมาในชื่อ KUB Gem
ในส่วนการทำงานของ KUB Gem จะคล้ายคลึงกับระบบสะสมแต้ม ที่เมื่อทำกิจกรรมหรือทำธุรกรรมใด ๆ จะได้โทเคนดังกล่าวมาเป็นรางวัลตอบแทน และสามารถนำโทเคนนี้ไปแลกรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้มากมาย ซึ่งปัจจุบันมีพันธมิตรที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวมากกว่า 40 ราย ทว่า โทเคนดังกล่าวจะมีการกำหนดระยะเวลาวันหมดอายุชัดเจนทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถเก็บแต้มสะสมไว้ในระยะยาวได้

อย่างไรก็ดี การทดสอบของทาง Bitkub เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของประเทศไทยในการก้าวเข้าสู่ยุคสมัยของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งถ้าหากการทดสอบประสบความสำเร็จด้วยดี ในอนาคตอันใกล้เราอาจจะได้เห็น Stablecoin เงินบาทถูกนำมาใช้งานอย่างเป็นทางการ สอดคล้องกับกระแสของโลกที่กำลังเปลี่ยนไปก็เป็นได้

