เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีบัญชีโซเชียลมีเดียชื่อดังหลายบัญชีเริ่มกระจายข่าวว่า จีนกลับมาสั่งแบนการซื้อขายและขุดคริปโตเคอร์เรนซีอีกครั้ง — แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานยืนยันอย่างเป็นทางการก็ตาม
บัญชี X อย่างเป็นทางการของเว็บเดิมพันชื่อดัง Kalshi และบัญชีข่าวเศรษฐกิจ First Squawk ต่างก็ช่วยขยายข่าวลือที่ยังไม่มีมูลนี้ โดยเฉพาะ Kalshi ที่โพสต์พาดหัวเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ กล่าวอ้างว่ารัฐบาลจีนมีความกังวลเรื่องการไหลออกของเงินทุนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยโพสต์ดังกล่าวมียอดเข้าชมเกือบ 800,000 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม Su Zhu ผู้ร่วมก่อตั้งกองทุนคริปโต Three Arrows Capital ซึ่งปัจจุบันปิดตัวไปแล้ว ได้ออกมาปฏิเสธข่าวนี้ โดยระบุว่า “ไม่มีหลักฐานใด ๆ” จากแหล่งข่าวภายในประเทศจีนของเขา ที่ชี้ว่ารัฐบาลได้ออกมาตรการแบนใหม่
ด้านบล็อกเกอร์สายคริปโตชาวจีนที่ใช้ชื่อแฝงว่า Colin Wu ก็ให้ข้อมูลในทิศทางเดียวกันว่า ไม่มีหลักฐานใดที่สนับสนุนว่ามีข้อจำกัดใหม่เกี่ยวกับคริปโตในจีน
ความสับสนเรื่องการแบนคริปโตในจีน
ข่าว “จีนแบน Bitcoin” กลายเป็นเรื่องขำขันในวงการคริปโต เพราะเป็นข่าวที่วนเวียนกลับมาเรื่อย ๆ จนแทบจะเป็นมีมไปแล้ว
ในความเป็นจริง จีนเริ่มต้นจำกัดการทำธุรกรรม Bitcoin ครั้งแรกตั้งแต่ปลายปี 2013 โดยธนาคารกลางแห่งประเทศจีน (PBoC) สั่งห้ามสถาบันการเงินในประเทศยุ่งเกี่ยวกับธุรกรรมคริปโตอย่างเป็นทางการ
ต่อมาในเดือนกันยายน 2017 จีนได้ประกาศห้ามการระดมทุนด้วยเหรียญ ( ICO) และสั่งแบนเว็บเทรดคริปโตภายในประเทศ ทำให้หลายแห่งต้องย้ายฐานไปยังต่างประเทศ
กระทั่งในปี 2021 จีนได้กวาดล้างอุตสาหกรรมการขุด Bitcoin อย่างจริงจัง ซึ่งถือเป็นมาตรการรุนแรงที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ยังมีอะไรเหลือให้แบนอีก?
Colin Wu ระบุว่า จีน ไม่เคยห้ามบุคคลทั่วไปทำธุรกรรมคริปโตแบบ P2P (บุคคลต่อบุคคล) แต่อย่างใด และแม้จะมีการปราบปรามเหมืองขุดในปี 2021 แต่ปัจจุบัน กิจกรรมการขุด Bitcoin ก็ยังคงมีอยู่ในหลายพื้นที่ของจีน โดยจีนยังคงคิดเป็น 21% ของพลังประมวลผลทั่วโลก (hashrate)
นอกจากนี้ เหรียญประเภท Stablecoin และโครงการที่เกี่ยวข้องกับ สินทรัพย์ในโลกจริง (RWAs) ก็กำลังได้รับความสนใจจากหน่วยงานรัฐในจีนอย่างต่อเนื่อง
ที่มา : U.Today

