<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

หากลงทุนใน ETH วันนี้ จะกลายเป็นเศรษฐีใน 10 ปีได้จริงหรือ?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วเกินคาด หลายคนเริ่มหันมามอง “สินทรัพย์ดิจิทัล” อย่าง Ethereum ว่าอาจเป็นกุญแจสู่ความมั่งคั่งในอนาคต หนึ่งในคำถามยอดฮิตที่เกิดขึ้นในโลกการลงทุนคือ “ถ้าลงทุนใน ETH วันนี้ อีกสิบปีข้างหน้าจะกลายเป็นเศรษฐีได้จริงหรือ?” คำตอบไม่สามารถฟันธงได้แบบขาวดำ แต่มันก็ไม่ได้เป็นเพียงความฝันลอยๆ ที่ไร้ความเป็นไปได้

ภาพราคา ethereum ล่าสุด 7 ส.ค. 2025

สมมติว่า ณ ปัจจุบัน Ethereum มีราคาซื้อขายที่ราว $3,600 หากในปี 2035 ราคาของ ETH สามารถพุ่งแตะ $30,000 ได้จริง นั่นเท่ากับการเติบโตประมาณ 8 เท่าภายในเวลา 10 ปี นักลงทุนที่ต้องการมีเงิน $1,000,000 จาก Ethereum ภายในกรอบเวลาดังกล่าวจะต้องถือ ETH อย่างน้อย 33.4 เหรียญ ซึ่งหมายถึงต้องทยอยลงทุนเป็นประจำทุกเดือน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ $1,000 ต่อเดือน เป็นเวลาต่อเนื่อง 10 ปีโดยไม่พลาดแม้แต่เดือนเดียว การทำเช่นนั้นไม่เพียงต้องอาศัยเงินทุนเท่านั้น แต่ยังต้องมีวินัย ความอดทน และการจัดการอารมณ์ต่อความผันผวนของตลาดคริปโตที่ขึ้นชื่อว่าเหวี่ยงแรงไม่แพ้พายุฤดูร้อน

ความสำเร็จของแผนนี้ตั้งอยู่บน “สามเสาหลัก” ที่ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าจะยืนหยัดได้ตลอดทาง ได้แก่ 1) ราคาของ ETH ต้องเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงเป้าหมาย 2) ราคาต้นทุนเฉลี่ยต่อเหรียญต้องไม่สูงเกินไป และ 3) นักลงทุนต้องมีวินัยลงทุนต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ขาดช่วง หากหนึ่งในสามเสาหลักนี้ล้ม เส้นทางสู่เงินล้านอาจยืดเยื้อหรือพังทลายได้ทันที

ถึงแม้ฟังดูท้าทาย แต่สิ่งที่ทำให้ความฝันนี้มีความเป็นไปได้ก็คือ ปัจจัยพื้นฐานของ Ethereum ยังคงแข็งแกร่ง Ethereum ยังคงเป็นผู้นำในตลาด DeFi (Decentralized Finance) ด้วยส่วนแบ่งกว่า 60% ของมูลค่ารวม (TVL) ที่ปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ $134 พันล้านดอลลาร์ทั่วโลก ยิ่งไปกว่านั้น Ethereum ยังเป็นแพลตฟอร์มหลักของการพัฒนา smart contract ที่ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการเงิน ประกันภัย เกม และแม้แต่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยคาดว่าตลาด smart contract จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 23% จนถึงปี 2029 นอกจากนี้ แนวโน้มการนำโทเคนมาแทนทรัพย์สินจริง (RWA tokenization) และการประยุกต์ใช้ AI บนเครือข่ายบล็อกเชน ยังช่วยผลักดันให้ Ethereum มีบทบาทสำคัญในอนาคตของการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง

ด้านกฎระเบียบ แม้จะมีความผันผวน แต่ทิศทางในช่วงปี 2025 ก็เริ่มเห็นสัญญาณบวก เช่น สหรัฐฯ เปิดช่องทางให้บริการ staking สามารถดำเนินการได้อย่างถูกกฎหมายผ่านตัวกลางที่จดทะเบียน อีกทั้งการอนุมัติ ETF ของ Ethereum ยังช่วยให้นักลงทุนสถาบันเข้าถือครอง ETH ได้มากขึ้นโดยไม่ขัดกับกฎหมาย การสนับสนุนจากภาครัฐและองค์กรขนาดใหญ่เช่นนี้ เป็นแรงขับเคลื่อนที่ช่วยลดความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนระยะยาว

แต่ในโลกของคริปโต ไม่มีอะไรแน่นอน คู่แข่งสำคัญอย่าง Solana เริ่มกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจด้วยความเร็วในการทำธุรกรรมที่สูงกว่าและค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า อีกทั้งยังมีชุมชนนักพัฒนาที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว หาก Ethereum ไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีหรือโครงสร้างพื้นฐานให้ตามทัน ก็มีโอกาสสูญเสียส่วนแบ่งตลาดได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ โลกของนโยบายและกฎหมายสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วข้ามคืน การแทรกแซงของภาครัฐ หรือเหตุการณ์ความขัดแย้งระดับโลก อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคา ETH และการใช้งานจริงบนเครือข่าย

สุดท้ายแล้ว การตั้งเป้าหมายมีเงินล้านจาก Ethereum ภายใน 10 ปีเป็นสิ่งที่ “สามารถเป็นไปได้” แต่ต้องยอมรับว่ามันเป็นแผนที่ตั้งอยู่บนชุดสมมติฐานในเชิงบวกหลายประการ สำหรับนักลงทุนทั่วไป ทางเลือกที่ปลอดภัยและยั่งยืนกว่า อาจเป็นการขยายกรอบเวลาการลงทุนออกไปเป็น 15–20 ปี ปรับจำนวนเงินที่ลงทุนต่อเดือนให้อยู่ในระดับที่ไม่สร้างแรงกดดันในชีวิต และเน้นความมั่นคงต่อเนื่องมากกว่าความรวดเร็วในระยะสั้น

ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน หนึ่งในกลยุทธ์ที่ดีที่สุดอาจไม่ใช่การเร่งให้รวยเร็ว แต่คือการปล่อยให้เวลาและการลงทุนอย่างมีวินัยทำงานแทนเราอย่างช้าๆ แต่มั่นคง — เพราะเศรษฐีหลายคนไม่ได้สร้างตัวในชั่วข้ามคืน แต่เกิดจากการตัดสินใจที่ถูกต้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าในระยะยาว

ที่มา : financeyahoo