ข้อมูลใหม่จากตลาดซื้อขายอนุพันธ์ Deribit ชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนกำลังทุ่มเงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อเดิมพันว่าราคา บิตคอยน์ จะพุ่งทะลุ 140,000 ดอลลาร์ ภายในวันที่ 26 กันยายนนี้
การเดิมพันครั้งใหญ่นี้แสดงให้เห็นถึง ความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของเหล่านักเทรดว่า การทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่องของบิตคอยน์จะยังไม่หยุดเพียงเท่านี้
ด้าน ไคล์ แชสส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทร่วมทุน MV Global มองว่า ตลาดมีแรงซื้อที่แข็งแกร่ง และคาดว่า ราคาบิตคอยน์จะพุ่งทะยานไปได้ไกลถึง 250,000 ดอลลาร์ ก่อนสิ้นปี
นอกจากความเชื่อมั่นของนักเทรดที่ซื้อ Call Option เพื่อเดิมพันว่า ราคาบิตคอยน์ จะพุ่งไปถึง 140,000 ดอลลาร์ ภายในวันที่ 26 กันยายนแล้ว
ตลาดคริปโตฯ ยังได้รับแรงหนุนสำคัญจากบริษัท Metaplanet ของญี่ปุ่นที่เข้าซื้อบิตคอยน์เพิ่มอีก 775 BTC ด้วยราคาเฉลี่ยที่ 120,000 ดอลลาร์ ต่อเหรียญ ทำให้ยอดถือครองทั้งหมดของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 18,888 BTC ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่า นักลงทุนสถาบันใหญ่ยังคงเชื่อมั่นในอนาคตของบิตคอยน์อย่างต่อเนื่อง
การที่ราคาบิตคอยน์พุ่งทะลุ 124,000 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดใหม่เมื่อต้นเดือนสิงหาคม มีปัจจัยหลักมาจากหลายด้าน ทั้งแรงหนุนจากกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุน Spot ETF อย่างไม่ขาดสาย, การที่บริษัทมหาชนกว่า 200 แห่งตัดสินใจเพิ่มคริปโตฯ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในงบดุลของบริษัท รวมถึงการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งนักเทรดคาดว่า ปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคในเดือนกันยายน โดยเฉพาะการประชุมของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในวันที่ 16-17 กันยายน จะส่งผลต่อทิศทางของตลาดบิตคอยน์ช่วงอีกแรง
สกอตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ แสดงความเห็นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ควรเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงิน ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในเดือนหน้า
โดยปกติแล้ว การลดดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นตลาดสินทรัพย์เสี่ยง เพราะต้นทุนการกู้ยืมที่ต่ำลงจะทำให้นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะโยกเงินออกจากสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอย่างพันธบัตร ไปสู่การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงกว่า เช่น ตลาดหุ้นหรือสินทรัพย์ดิจิทัล
ที่มา : yahoo finance

