นักวิเคราะห์จาก Bank of America (BofA) ได้ออกมาส่งสัญญาณเตือนว่า เงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าสูงเกินจริง กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่มูลค่าที่แท้จริง และอาจร่วงลงไปต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นภายในปี 2026 โดยมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญมาจากความไม่แน่นอนของการเปลี่ยนแปลงนโยบายการคลังของประธานาธิบดีทรัมป์และภาระหนี้สินของประเทศที่พุ่งสูงขึ้น
สัญญาณเตือน ดอลลาร์อ่อนค่าหนักสุดรอบ 45 ปี
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์ได้อ่อนค่าลงอย่างมาก โดยดัชนีดอลลาร์สหรัฐร่วงลงไปแล้ว 10% นับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งถือเป็นผลงานในช่วงครึ่งปีแรกที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 1980 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์ได้แตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ ก่อนจะดีดตัวขึ้นเล็กน้อยในวันนี้
นักวิเคราะห์ของ BofA คาดการณ์ว่าค่าเงินยูโรจะแข็งค่าขึ้นไปอยู่ที่ระดับ $1.20–$1.25 จากปัจจุบันที่ $1.1651 ในขณะที่ตลาดการเงินคาดการณ์ว่ามีโอกาสมากกว่า 90% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนกันยายนนี้ และอาจลดลงอีก 1% ภายในฤดูใบไม้ร่วงปี 2026 โดยนักลงทุนกำลังจับตาดูรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้อย่างใกล้ชิด
ระเบิดเวลาหนี้สิน เมื่อรายรับไม่พอจ่ายดอกเบี้ย
แม้ว่าทรัมป์จะประกาศให้ปีที่สองของเขาเป็นปีแห่งการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ร่างกฎหมายลดภาษีครั้งใหญ่ที่เรียกว่า One Big Beautiful Bill Act (OBBBA) กลับสวนทางกับแนวทางดังกล่าว สำนักงานงบประมาณรัฐสภา (CBO) ประเมินว่ากฎหมายฉบับนี้จะทำให้หนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มขึ้นถึง 3.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
แม้รัฐบาลจะอ้างว่ารายได้จากกำแพงภาษีจะเพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้น แต่ตัวเลขกลับแสดงภาพที่น่ากังวล
- รายได้จากกำแพงภาษีคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน
- แต่เฉพาะในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องจ่ายดอกเบี้ยหนี้สินสูงถึง 6.095 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่ารายได้จากภาษีไม่เพียงพอแม้แต่จะจ่ายดอกเบี้ยด้วยซ้ำ
ปัจจุบัน กองหนี้ของอเมริกาอยู่ที่ 37.3 ล้านล้านดอลลาร์ และค่าใช้จ่ายในการจ่ายดอกเบี้ยหนี้ก้อนนี้ ณ เดือนกรกฎาคม มีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งคิดเป็น 17% ของงบประมาณของรัฐบาลกลางทั้งปี
‘หัวใจวายเพราะหนี้’ คำเตือนจาก เรย์ ดาลิโอ
เรย์ ดาลิโอ (Ray Dalio) ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ชื่อดัง ได้ออกมาเตือนว่า ภายใต้นโยบายงบประมาณของทรัมป์ สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับภาวะ “หัวใจวายที่เกิดจากหนี้สิน” (debt-induced heart attack) ภายในสามปีข้างหน้า โดยอ้างถึงการกู้ยืมที่ไม่ยั่งยืนและต้นทุนดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งเขาเชื่อว่าจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสถานะของเงินดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรองของโลก
ที่มา: cryptopolitan

