<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เหรียญมีม GIGGLE มูลค่าพุ่งทะลุ $100 ล้าน ขณะที่ Snorter Bot Token ก้าวเข้าสู่เฟส 2 ของการระดมทุน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ตลาดเหรียญมีมยังคงแสดงศักยภาพในการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ล่าสุด Giggle (GIGGLE) ซึ่งเป็นเหรียญมีมที่เน้นด้านการศึกษา ได้สร้างปรากฏการณ์ด้วยการทำมูลค่าตลาดทะลุ 100 ล้านดอลลาร์ ภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ หลังเปิดตัวในช่วงปลายเดือนกันยายน

ความสำเร็จดังกล่าวได้ตอกย้ำถึงโอกาสทำกำไรมหาศาลที่ซ่อนอยู่ในตลาดเฉพาะกลุ่มนี้

ในขณะที่นักลงทุนกำลังตามหาเหรียญมีมที่มีโอกาสเติบโต Snorter Bot Token (SNORT)  ซึ่งเป็นโปรเจกต์ที่พัฒนาบอทเทรดบน Telegram เพื่อตามล่าเหรียญมีมที่มีศักยภาพสูง ก็กำลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายของโปรเจกต์ระดมทุนในช่วงเริ่มต้น

ปัจจุบัน SNORT สามารถระดมทุนไปแล้วกว่า 4.3 ล้านดอลลาร์ และเหลือเวลาอีกเพียงสองสัปดาห์เท่านั้น ก่อนที่โปรเจกต์ระดมทุนในช่วงเริ่มต้นจะสิ้นสุดลง

เมื่อโปรเจกต์ระดมทุนในช่วงเริ่มต้นจบลง การเข้าถึงโทเคนจะย้ายไปยังแพลตฟอร์มซื้อขาย (กระดานเทรด) ซึ่งราคาและมูลค่าของโทเคนอาจปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก การเข้าร่วมในช่วงโปรเจกต์เริ่มต้นจึงเป็นโอกาสสุดท้ายในการเข้าถึงโปรเจกต์ที่มุ่งมั่นจะช่วยให้นักเทรดค้นพบเหรียญที่อาจให้ผลตอบแทนเติบโตอย่างก้าวกระโดด ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

หากเหรียญมีมที่อิงการศึกษาอย่าง GIGGLE สามารถพุ่งแตะ 100 ล้านดอลลาร์ได้… แล้วแอปพลิเคชันที่สร้างขึ้นมาเพื่อ “ค้นหา” โอกาสทองเหล่านี้โดยเฉพาะ จะมีมูลค่าขนาดไหนเมื่อเข้าสู่ตลาดหลัก

ปัจจุบัน SNORT มีราคาซื้อขายอยู่ที่ 0.1071 ดอลลาร์ต่อโทเคน โดยราคาจะมีการเพิ่มขึ้นทีละเล็กน้อยจนกว่าการระดมทุนในช่วงเริ่มต้นสิ้นสุดลง

เหรียญมีมชั้นนำบน Binance ยังคงเป็นผู้ขับเคลื่อนทิศทางตลาด ขณะที่ Snorter Bot Token (SNORT) ก็เตรียมพร้อมคว้าโอกาสเติบโตในขาขึ้นครั้งต่อไป

Giggle Academy ภายใต้การสนับสนุนของ Changpeng Zhao สามารถระดมทุนได้สูงถึง 1.3 ล้านดอลลาร์ ภายใน 12 ชั่วโมงหลังเปิดตัว โดยเงินทุนส่วนนี้มาจากการบริจาคค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่เกิดขึ้น ผ่านเหรียญมีม GIGGLE

หัวใจสำคัญของโปรเจกต์นี้คือ การกุศล โดยโทเคน GIGGLE (BEP-20) จะถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงให้กับ Giggle Academy ซึ่งมอบการเรียนรู้แบบเกมมิฟิเคชันฟรีในหลายสาขา ตั้งแต่คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (รวมถึงบล็อกเชนและ AI) พร้อมทั้งสนับสนุน Giggle Hero Program เพื่อให้รางวัลแก่ผู้สอน และนักเรียนในพื้นที่ด้อยโอกาสทั่วโลก

ด้วยเจตนารมณ์ที่มีคุณค่านี้ ตลาดจึงให้ความสนใจอย่างมาก โดย GIGGLE มีการเติบโตอย่างน่าทึ่งถึง 313% นับตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน และราคาเคยพุ่งแตะ $117 ก่อนจะปรับฐานลงมา ที่มูลค่าตลาดรวมประมาณ 98 ล้านดอลลาร์ ในปัจจุบัน

Source: https://www.coingecko.com/en/coins/giggle-fund

เพื่อตอกย้ำศักยภาพการเติบโต เหรียญมีมที่เชื่อมโยงกับ Binance อีกตัว อย่าง Memecore (M) ซึ่งเป็นเครือข่าย Layer-1 ที่เน้นการเชื่อมโยงกับครีเอเตอร์ผ่านมีมและ dApps ก็เคยมีมูลค่าพุ่งทะลุ หลายพันล้านดอลลาร์ ภายในเวลาเพียงประมาณสองเดือนหลังการเปิดตัว 

ความสำเร็จในลักษณะนี้เองที่ทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GIGGLE อาจดำเนินตามรอยเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากรากฐานที่แข็งแกร่งในด้านการกุศล

นักลงทุนทราบดีว่า การหาโปรเจกต์ที่ดีไม่ใช่เรื่องยาก แต่ปัญหาคือ การระบุโปรเจกต์ที่ใช่ได้เร็วพอ ก่อนที่ตลาดจะรับรู้ และพลาดโอกาสในการทำกำไร

ด้วยความสามารถในการตรวจจับเหรียญมีมใหม่ ก่อนที่มันจะเข้าสู่กระแสหลัก Snorter Bot  จึงมอบความได้เปรียบแก่นักเทรดให้เข้าซื้อได้ตั้งแต่ที่มูลค่าตลาดยังอยู่ในระดับหลักเดียวของหลักล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การเติบโตเพียงครั้งเดียว ก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนการลงทุนเริ่มต้นให้กลายเป็นผลตอบแทนก้อนโตได้

Snorter Bot สร้างบน Solana เพื่อความเร็ว ออกแบบมาเพื่อขยายไปยังทุกเชนหลัก

Snorter Bot ทำงานโดยตรงบนเครือข่าย Solana ซึ่งเป็นจุดที่มีการเคลื่อนไหวของเหรียญมีมอย่างเข้มข้นที่สุด โดยใช้กลไกการเข้าถึงข้อมูลของผู้ตรวจสอบ (Validator Nodes) และคิวการทำธุรกรรม (Transaction Queue) ได้โดยตรง สิ่งนี้ทำให้ Snorter สามารถแจ้งเตือนการสร้างโทเคนใหม่ การเพิ่มสภาพคล่อง และรูปแบบการซื้อขายในช่วงแรกได้ทันทีที่เกิดขึ้น แทนที่จะรอให้แดชบอร์ดสาธารณะอัปเดต Snorter จะเห็นข้อมูลที่กำลังเคลื่อนไหว ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานได้เปรียบในด้านเวลาที่วัดเป็นมิลลิวินาที

อย่างไรก็ตาม การตรวจจับอย่างเดียวไม่เพียงพอ ทุกโทเคนที่ถูกตรวจพบจะถูกส่งผ่านระบบคัดกรองสัญญาและสภาพคล่อง ซึ่งจะกรองเอาการฉ้อโกง (rugs), honeypots, และแหล่งสภาพคล่องตื้น ๆ ที่มีโอกาสเป็นปัญหาออกไป

บอทนี้ถูกออกแบบมา เพื่อคัดกรองโทเคนใหม่เพื่อหาสัญญาณความปลอดภัย เช่น การสละสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ (ownership renouncement), สถานะการล็อกสภาพคล่อง (liquidity lock status), และความเข้มข้นของการถือครองในกระเป๋าเงิน ( wallet concentration) ซึ่งเป็นการตรวจสอบที่ใช้กันทั่วไป เพื่อลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกง (rugpull) และการหลอกลวง ก่อนที่จะแสดงโทเคนให้กับผู้ใช้งาน และเฉพาะโปรเจกต์ที่ผ่านการทดสอบเหล่านี้เท่านั้นที่จะถูกส่งเป็นข้อความแจ้งเตือนที่พร้อมดำเนินการ

การดำเนินการซื้อขายก็รวดเร็วและปลอดภัยไม่แพ้กัน โดย Snorter Bot ใช้ Custom RPC Endpoints และ การกำหนดเส้นทางส่วนตัว เพื่อให้การซื้อขายเกิดขึ้นได้โดยตรงภายใน Telegram ทันที 

ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อ ลดการโจมตีแบบ Front-running และรับประกันว่ าการคลาดเคลื่อนของราคา (Slippage) จะน้อยที่สุด นอกจากนี้ การสแกนและการซื้อขายที่เกิดขึ้นทุกครั้งยังเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ระบบสามารถปรับปรุงวิธีการจัดอันดับและคัดกรองโอกาส ในอนาคตได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป

แม้ว่าปัจจุบัน Solana จะเป็นฐานหลักของการทำงาน แต่โปรเจกต์ก็มีแผนการขยายเครือข่ายอย่างจริงจัง โดยการผสานรวมกับ Ethereum จะเริ่มดำเนินการหลังจากการเปิดตัวโทเคนอย่างเป็นทางการ (TGE – Token Generation Event) ขณะที่การพัฒนาระบบสำหรับ BNB Chain ก็อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการเตรียมการแล้ว ส่วนเครือข่าย Polygon และ Base ถูกระบุไว้ในแผนงานระยะต่อไป เพื่อรองรับการขยายตัวสู่ระบบนิเวศบล็อกเชนที่หลากหลายยิ่งขึ้น

Source: https://snortertoken.com/

ดังนั้น สำหรับนักเทรดที่กำลังมองหาเหรียญที่สามารถเติบโตแบบก้าวกระโดดได้เช่นเดียวกับ Memecore (M) หรือ GIGGLE นั้น Snorter Bot อาจเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณค้นพบโอกาสเหล่านั้น ก่อนที่การเติบโตแบบก้าวกระโดดจะเริ่มต้นขึ้น 

เมื่อระบบขยายเครือข่ายเต็มรูปแบบ Snorter จะทำหน้าที่เป็นเหมือน “เรดาร์ข้ามเครือข่าย” ของโลกคริปโต สำหรับการตรวจจับโทเคนเกิดใหม่ ทำให้ผู้ใช้สามารถดำเนินการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจในภูมิทัศน์ของเหรียญมีมทั้งหมด

Snorter ตัวต่อไปคืออะไร และทำไมสัปดาห์หน้าถึงสำคัญ

Snorter กำลังเข้าสู่ช่วงสำคัญที่สุดของแผนงาน โดยมุ่งสู่ความสำเร็จขั้นสุดท้ายของ ระยะที่ 2 (Phase 2) ซึ่งเป็นรากฐานของการเปิดตัวปฏิบัติการสำหรับผู้ใช้จริง ระยะนี้ครอบคลุมเหตุการณ์สำคัญมากมาย ได้แก่ การทดสอบเบต้าของชุมชน การร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์ การเปิดตัวบอทบน Solana และที่สำคัญที่สุดคือ TGE (Token Generation Event), การเคลมโทเคน, และการนำระบบบริดจ์มาใช้ เพื่อเชื่อมต่อสภาพคล่องข้ามเชนที่รองรับ

เมื่อบรรลุเป้าหมายในระยะที่ 2 แล้ว โปรเจกต์จะเปลี่ยนไปเน้นที่ระยะที่ 3 (Phase 3) ซึ่งจะมีการขยายตัวอย่างแท้จริง โดยจะมีการเปิดตัวบอทบนเชน EVM การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ บน Telegram และการเปิดตัว User Dashboard ซึ่งเป็นพอร์ทัลหลักที่นักเทรดสามารถติดตามการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ รางวัล และจัดการตำแหน่ง Staking ได้อย่างครบวงจร

ดังที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ ทีมงานยังวางแผนที่จะรวมบล็อกเชนเพิ่มเติม และพัฒนาสภาพแวดล้อมโดยรวม เพื่อตอกย้ำตำแหน่งของ Snorter ในฐานะ โครงสร้างพื้นฐานการซื้อขายข้ามเครือข่าย ไม่ใช่แค่เครื่องมือบนเชนเดียว

แต่ละระยะของแผนงานจะผลักดัน Snorter ให้เข้าใกล้เป้าหมายในการเป็น ระบบข่าวกรองเหรียญมีมชั้นนำ ที่ช่วยให้นักเทรดค้นพบโอกาสก่อนที่ราคาจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง

ขณะนี้ Snorter กำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ โดยเหลือเวลาเพียง 14 วันสุดท้าย สำหรับโปรเจกต์ระดมทุนช่วงเริ่มต้น นี่คือช่วงเวลาที่โปรเจกต์จะเปลี่ยนจากการพัฒนาในระยะเริ่มต้น ไปสู่การสร้างความเปลี่ยนแปลงในตลาดเต็มรูปแบบ และพร้อมที่จะนำเทคโนโลยีเข้าสู่มือผู้ใช้จริง

Snorter กำลังจะเปลี่ยนโฉมความสามารถของบอทเทรดบน Telegram ไปตลอดกาล ด้วยเทคโนโลยีที่พร้อมสำหรับการใช้งานอย่างสมบูรณ์แล้ว นี่คือ โอกาสสุดท้ายก่อนที่โปรเจกต์จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการและเข้าสู่ตลาดเต็มรูปแบบ

หากต้องการเข้าร่วมโปรเจกต์ สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ Snorter Bot Token  แล้วเชื่อมต่อกระเป๋าเงิน Best Wallet ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในกระเป๋าเงินคริปโตและ Bitcoin ที่ดีที่สุด 

โดยโทเคนที่คุณเพิ่งเข้าร่วมสามารถนำไป Staking ได้ทันทีผ่านโปรโตคอลหลักของโปรเจกต์ ซึ่งให้ผลตอบแทน APY แบบไดนามิกสูงถึง 112%

ยอดคงเหลือในการระดมทุนช่วงโปรเจกต์เริ่มต้น จะปรากฏโดยตรงในแอป การเคลมทำได้ง่าย เมื่อโทเคนเปิดตัว ผู้ถือโทเคนจะได้รับสิทธิ์เข้าถึงโปรเจกต์ที่เปิดตัวใหม่ ๆ ก่อนใครผ่านส่วน Upcoming Tokens ของกระเป๋าเงิน

Best Wallet มีให้ดาวน์โหลดบน Google Play และ Apple App Store

สามารถเข้าร่วมชุมชน Snorter ได้ทาง X และ Instagram 

หากสนใจโปรเจกต์สามารถเข้าไปศึกษา Snorter Bot Token  เพิ่มเติม ได้แล้ว

                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                  
เช็คลิสต์รายละเอียดสถานะ
1. เว็บไซต์ & Whitepaper โปรเจกต์มีเว็บไซต์ที่ดูน่าเชื่อถือ และมีเอกสาร Whitepaper ที่ระบุข้อมูลชัดเจนไม่กำกวม✔️
2. ความโปร่งใสของทีมงาน ทีมพัฒนามีการเปิดเผยตัวตนชัดเจนไม่ได้ปกปิดข้อมูลแต่อย่างใด
3. Tokenomics เหรียญมีการแจกแจงการปันส่วนที่สมเหตุผล และฝ่ายใดถือครองจนมากเกินไป✔️
4.Smart Contract Smart contract มีความโปร่งใสและถูกตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการใส่โค้ดแอบแฝงเพื่อโจมตีนักลงทุน  ⚠️ (ไม่ชัดเจน)
5. มีกำหนดการชัดเจนโปรเจกต์มีการกำหนดวันสิ้นสุดการระดมทุนพรีเซล รวมถึงวันลิสต์เหรียญอย่างชัดเจน
6. ผู้ใช้สามารถถอนเงินได้กรณีเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดขึ้น นักลงทุนยังคงสามารถทำการถอนเงินคืนได้⚠️ (ไม่ชัดเจน)
7. คอมมูนิตี้ โปรเจกต์มีชุมชนคอยให้การสนับสนุนจริง ไม่ได้ถูกรันด้วยบอทเพียงอย่างเดียว ✔️
8. สภาพคล่อง โปรเจกต์มีการล็อกสภาพคล่องเพื่อระงับไม่ให้เกิดการ Rug pull ขึ้น ⚠️ (ไม่ชัดเจน)
9. สัญญาณอันตราย โปรเจกต์ไม่มีสัญญาณอันตราย เช่น การระดมทุนจะสิ้นสุดเมื่อราคาถึงระดับ XXX เป็นต้น ⚠️ (ไม่ชัดเจน)
อ่านรายละเอียดเช็คลิสต์เพิ่มเติมได้ที่นี่

บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโปรเจกต์คริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการแนะนำหรือเชิญชวนให้ลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ โปรดศึกษาข้อมูลให้รอบคอบและลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้ ทาง Siam Blockchain รวมถึงผู้บริหารและพนักงานของบริษัท ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบในทุกกรณีหากเกิดความเสียหายจากการลงทุนของท่าน

บทความนี้เป็นบทความสปอนเซอร์