บ่ายวันนี้ (14 ตุลาคม) ตลาดคริปโตกลับมาเผชิญความผันผวนหลอกหลอนอีกระลอก หลังเพิ่งฟื้นตัวขึ้นจากวิกฤต การล้างพอร์ตครั้งใหญ่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้นักเทรดที่ยังไม่ทันตั้งตัวจากความเสียหายเดิม ยิ่งรู้สึกสิ้นหวังและขาดความเชื่อมั่นในตลาดมากขึ้นไปอีก
ข้อมูลจากกราฟ BTC/USD ระบุว่า ณ เวลาประมาณ 13.45 น. บิทคอยน์ได้ หลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ $112,000 ลงมา และทำจุดต่ำสุดระหว่างวันที่ $111,355 ซึ่งสะท้อนแรงขายที่กลับมาอีกครั้งในช่วงเวลาทำการของฝั่งตลาดเอเชีย
สาเหตุหลักของการร่วงลงรอบนี้ มาจาก ความตื่นตระหนกในตลาด หลังนักเทรดตรวจพบว่า เจ้ามือรายเดิม ซึ่งเคยทำกำไรจากการ Short บิทคอยน์ก่อนเกิด Flash Crash ได้กลับมา เพิ่มขนาดโพสิชันของตนเองอีกครั้ง ทำให้เกิดการคาดเดาว่าเจ้ามือรายนี้อาจ “รู้ข้อมูลอะไรบางอย่างก่อน” และเร่งกระตุ้นให้เกิดแรงเทขายต่อเนื่องไปทั่วตลาด
อีกประเด็นสำคัญคือ แนวรับหลักของ Bitcoin ที่เพิ่งหลุดจากระดับ $113,000 ซึ่งกลายเป็นชนวนให้เกิด การล้างพอร์ตครั้งใหม่ โดยเฉพาะในฝั่งของนักลงทุนสาย Long ที่พยายาม “เอาคืน” จากความเสียหายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ข้อมูลล่าสุดจาก Coinglass แสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันมีมูลค่าการล้างพอร์ต (liquidation) ในตลาดไปแล้วกว่า $623 ล้านดอลลาร์ โดยแบ่งเป็นฝั่ง Long ประมาณ $427 ล้าน และฝั่ง Short ราว $196 ล้าน ขณะเดียวกัน มีนักเทรดที่ได้รับผลกระทบรวมแล้วกว่า 214,044 ราย ทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ชื่อดัง Ash Crypto มองว่าการร่วงลงครั้งนี้เป็นเพียง “การย่อตัวตามธรรมชาติ” ของตลาด เพื่อสร้างฐานราคาที่แข็งแรงกว่าเดิม ก่อนจะเข้าสู่ ขาขึ้นรอบใหม่ในไตรมาส 4 แม้อาจถูกเลื่อนออกไปบ้างก็ตาม
ทั้งนี้ หากราคาของ Bitcoin ถูกกดลงไปต่ำกว่า $100,000 ได้สำเร็จจริง นักวิเคราะห์เตือนว่าอาจเป็นสัญญาณเข้าสู่ ตลาดขาลงอย่างเป็นทางการในวัฏจักรนี้ และทำให้แนวโน้มตลาดโดยรวมเปลี่ยนทิศในทันที