Eric Trump ลูกชายของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาเปิดเผยว่า ครอบครัวของเขา “ทำกำไรจากธุรกิจคริปโตไปแล้วกว่า 1 พันล้านดอลลาร์” ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ที่เริ่มกลายเป็นประเด็นร้อนในแวดวงการเมืองสหรัฐฯ
การที่ทรัมป์เปิดรับคริปโตแบบเต็มตัวในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้เพียงเปลี่ยนภาพลักษณ์ของเขาในฐานะผู้นำที่สนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ ๆ เท่านั้น แต่ยังผลักดันให้ “อาณาจักรคริปโตของตระกูลทรัมป์” กอบโกยกำไรอย่างมหาศาล โดย Eric Trump ยืนยันว่าตอนนี้มูลค่าธุรกิจคริปโตของครอบครัวแตะระดับ 1,000 ล้านดอลลาร์ก่อนหักภาษีแล้ว และ “ตัวเลขจริงอาจมากกว่านั้นด้วยซ้ำ” ตามรายงานของ Financial Times
ขณะที่ Forbes ประเมินมูลค่าทรัพย์สินรวมของโดนัลด์ ทรัมป์ ไว้ที่ราว 7,100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่ากำไรจากธุรกิจคริปโตมีสัดส่วนไม่น้อยในความมั่งคั่งสุทธิของเขา
หนึ่งในหัวใจสำคัญของอาณาจักรคริปโตทรัมป์คือโครงการ World Liberty Financial (WLFI) ที่ทรัมป์และลูกชายทั้งสามร่วมก่อตั้ง เปิดตัวเหรียญ Stablecoin “USD1” และโทเคนกำกับดูแล “WLFI” ซึ่งขายไปแล้วมากกว่า 550 ล้านดอลลาร์ พร้อมทั้งได้รับเงินลงทุนจาก Justin Sun มหาเศรษฐีคริปโตชาวจีน และกองทุน Aqua 1 Foundation จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยโครงการนี้ยังมีแผนขยายสู่โลก DeFi และธุรกิจบริการให้กู้ยืมในอนาคต
ไม่เพียงเท่านั้น ครอบครัวทรัมป์ยังมีสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ อีกหลายโปรเจกต์ เช่น การ์ด NFT ของประธานาธิบดีทรัมป์, เหรียญมีม อย่างเป็นทางการของทั้งโดนัลด์และเมลาเนีย ทรัมป์ รวมถึงบริษัทขุด Bitcoin ชื่อ American Bitcoin ที่ Eric และ Donald Trump Jr. ก่อตั้งร่วมกับบริษัท Hut 8 ยักษ์ใหญ่ด้านการขุดคริปโต
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างตระกูลทรัมป์กับวงการคริปโต กลับจุดชนวนให้เกิดข้อถกเถียงใหญ่ในแวดวงการเมือง โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา วุฒิสมาชิกหลายรายออกมาโจมตีทรัมป์หลังจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำให้กับนักลงทุนในเหรียญมีมของตนเอง ซึ่งนำไปสู่การประท้วงครั้งใหญ่หน้าสถานที่จัดงาน
นอกจากนี้ กรณีผลประโยชน์ทับซ้อนยังถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง ขณะทรัมป์ผลักดันกฎหมาย Stablecoin GENIUS Act กฎหมายสนับสนุนคริปโตฉบับแรกของรัฐบาลเขา จนทำให้กระบวนการพิจารณาในสภาล่าช้าออกไป
ซึ่งหลังจาก Eric Trump ออกมายืนยันเรื่องกำไรระดับพันล้านดอลลาร์ โลกโซเชียลก็ตอบสนองทันที หลายคนโพสต์ภาพจากหนัง The Big Short (2015) เพื่อเปรียบเทียบเหตุการณ์นี้กับวิกฤติการเงินปี 2008 พร้อมแซะว่า Eric Trump “ไม่ได้สารภาพ” แต่กำลัง “อวดรวย” อย่างภาคภูมิใจต่างหาก
ลิงก์ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- WLFI ร่วงดิ่งเหว หลัง Eric Trump ประกาศก้าวลงจากตำแหน่งบอร์ดบริษัท WLFI Treasury
- Coinbase ลิสต์ USD1 ลง Roadmap – Eric Trump โผล่หนุน ดันกระแส WLFI พุ่งแรง
ที่มา : decrypt

