<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

คาซัคสถานทุ่ม $1 พันล้าน ตั้ง ‘กองทุนคริปโต’ แห่งชาติ-แต่ย้ำชัด ‘ไม่ซื้อ Bitcoin โดยตรง’

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

รัฐบาลคาซัคสถานกำลังวางแผนจัดตั้ง “กองทุนสำรองคริปโทเคอร์เรนซีแห่งชาติ” มูลค่ามหาศาลระหว่าง 500 ล้านถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายในต้นปี 2026

ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นหนึ่งในก้าวที่กล้าหาญที่สุดของภูมิภาคเอเชียกลาง ในการนำสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนที่บริหารโดยรัฐ

ใช้ ‘เงินยึด’ และ ‘กำไรเหมืองขุด’ เป็นทุน

แหล่งข่าวระบุว่า เงินทุนเริ่มต้นของกองทุนนี้จะมาจาก “สินทรัพย์ที่ยึดหรือส่งคืนจากต่างประเทศ” ควบคู่ไปกับ “ผลกำไรจากการดำเนินการเหมืองขุดคริปโตที่รัฐให้การสนับสนุน” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการนำทุนกลับประเทศและปรับปรุงเงินสำรองของประเทศให้ทันสมัย

นาย ตีมูร์ ซูเลย์เมนอฟ (Timur Suleimenov) ผู้ว่าการธนาคารกลางคาซัคสถาน กล่าวย้ำในลอนดอนว่า “เราจะระมัดระวังอย่างมากเกี่ยวกับการลงทุนในคริปโตโดยตรง” โดยกองทุนจะเน้นไปที่การลงทุนในกองทุน ETF และหุ้นของบริษัทที่เชื่อมโยงกับสกุลเงินดิจิทัลแทน เพื่อจับโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรม แต่จำกัดความเสี่ยงจากความผันผวนของเหรียญ

ตั้งศูนย์กลางการเงิน-ดึงต่างชาติร่วมทุน

กองทุนนี้จะถูกบริหารโดยหน่วยงานการลงทุนของรัฐ และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Astana International Financial Centre (AIFC) ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านฟินเทคและนวัตกรรมบล็อกเชนของประเทศ รัฐบาลอาจเชิญชวนพันธมิตรต่างชาติให้เข้ามาร่วมบริหารหรือร่วมลงทุนในกองทุนนี้ด้วย

เดินเกมสองหน้า ทั้ง ‘ส่งเสริม’ และ ‘กวาดล้าง’

คาซัคสถานกลายเป็นผู้เล่นหลักในเศรษฐกิจคริปโตโลกตั้งแต่ปี 2021 หลังจากที่กลายเป็น “สวรรค์” ของนักขุด Bitcoin ที่หนีการกวาดล้างมาจากประเทศจีน แต่ในขณะเดียวกัน ประเทศก็ต้องเผชิญกับปัญหา “ไฟไม่พอใช้” และกฎระเบียบที่วุ่นวาย

การจัดตั้งกองทุนนี้จึงเป็นการพยายามสร้างสมดุล โดยการนำ “กำไร” จากการขุดคริปโตมาเข้ากองทุนสำรอง เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์แบบเดิมๆ

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลก็กำลัง “กวาดล้าง” ด้านมืดอย่างหนัก โดยในเดือนตุลาคม คาซัคสถานได้สั่ง ปิด Exchange เถื่อน 130 แห่ง ที่ต้องสงสัยว่าฟอกเงิน ยึดสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่า 16.7 ล้านดอลลาร์

และยังทลายเครือข่าย “ฟอกเงินสด” (Shadow cash-out groups) 81 กลุ่ม ที่มีเงินหมุนเวียนกว่า 43 ล้านดอลลาร์ในปี 2024

แม้ว่ากองทุนนี้จะยังไม่กล้าถือ Bitcoin โดยตรง แต่ก็สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของรัฐบาลต่อศักยภาพของบล็อกเชนในระยะยาว

ที่มา: bloomberg