<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Snorter Bot เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 10 พ.ย. : ร่วมศึกในสมรภูมิบอทเทรดคริปโตบน Telegram

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

แพลตฟอร์มเทรดอัตโนมัติบน Telegram กำลังจะเข้าสู่การแข่งขันครั้งใหม่ เมื่อ Snorter Bot (SNORT ซึ่งเป็นที่จับตาของนักลงทุนได้ประกาศกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2025 นี้ การมาถึงของ Snorter Bot คาดว่าจะสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งสำคัญ และพร้อมท้าชนกับผู้เล่นหลักในตลาดอย่าง Trojan, BONKbot และ Banana Gun

Snorter Bot ถูกพัฒนาขึ้นโดยเน้นที่การใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพและความเร็วสูงของบล็อกเชน Solana เป็นหลัก หัวใจสำคัญที่ทำให้ Snorter Bot กลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวคือ ค่าธรรมเนียมการเทรดที่ต่ำที่สุด ในบรรดาแพลตฟอร์มเทรดบน Telegram ด้วยอัตราเพียง 0.85% เท่านั้น ซึ่งสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันด้านต้นทุนอย่างชัดเจน

นอกจากค่าธรรมเนียมที่ดึงดูดใจแล้ว แพลตฟอร์มนี้ยังอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ระดับมืออาชีพที่จำเป็นสำหรับนักเทรดในระบบนิเวศ Solana ไม่ว่าจะเป็น การ Sniping อัตโนมัติที่รวดเร็ว, Copy Trading, Limit Orders รวมถึงกลไกการป้องกันความเสี่ยงที่ครบถ้วน เช่น การป้องกัน Rug pull, การตรวจจับ Honeypot, การป้องกัน MEV (Maximal Extractable Value) และ การป้องกัน Front-running ขณะสลับเหรียญอย่างรวดเร็วและปลอดภัย

ทั้งหมดนี้ถูกรวมไว้ในแพลตฟอร์มเดียว เพื่อมอบประสบการณ์การเทรดที่รวดเร็ว ครบวงจร และลดความเสี่ยงให้กับผู้ใช้งาน ผู้ที่สนใจสามารถติดตามความเคลื่อนไหวและรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากทีมพัฒนา Snorter โดยตรงในวันเปิดตัว

ราคาโทเค็น $SNORT ของแพลตฟอร์มเทรดอัตโนมัติ Snorter Bot ได้พุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรงถึง 59% แตะระดับ $0.04417 ดอลลาร์ หลังจากมีการประกาศกำหนดการอย่างเป็นทางการ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าโมเมนตัมด้านราคาที่แข็งแกร่งนี้มีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไป โดยได้รับแรงหนุนจากความตื่นเต้นของตลาดต่อบอทเทรดรายใหม่นี้

ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันความต้องการของนักลงทุน คือความครบถ้วนของฟีเจอร์การเทรดระดับมืออาชีพที่ Snorter Bot นำเสนอให้เป็นมาตรฐาน ซึ่งรวมถึง การ Sniping อัตโนมัติที่รวดเร็ว, Copy Trading, การป้องกัน Rug pull, การป้องกัน MEV และกลไกการสั่งซื้อที่หลากหลาย ความครบเครื่องนี้เองที่ทำให้นักเทรดจำนวนมากแสดงความกระตือรือร้นที่จะทดลองใช้บอทดังกล่าว

โดยมีการประมาณการว่าการซื้อขายคริปโตฯ ทั้งหมดนั้น 70% ถึง 80% ถูกดำเนินการโดยใช้บอทประเภทใดประเภทหนึ่ง ซึ่งในอดีตนั้น การเทรดอัตโนมัติ เคยเป็นสิทธิพิเศษที่จำกัดอยู่แค่เพียง สถาบันการเงินขนาดใหญ่ เท่านั้น แต่ปัจจุบัน เทคโนโลยีได้เข้ามาปลดล็อกข้อจำกัดดังกล่าว ทำให้ นักเทรดรายย่อย สามารถเข้าถึงเครื่องมือระดับเดียวกับสถาบันได้แล้ว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของนักลงทุนทั่วไปในตลาดที่เคลื่อนไหวรวดเร็วนี้

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ บอท Telegram ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่นักเทรดรายย่อย คือความสะดวกในการเข้าถึงและใช้งาน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ Snorter Bot ถูกออกแบบมาเพื่อก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในสมรภูมินี้ ด้วยการผสานเครื่องมือระดับมืออาชีพเข้ากับอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายผ่านแอปพลิเคชัน Telegram โดยผู้ใช้สามารถเริ่มต้นเทรดได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่เปิดบอทและปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือ หรือคลิกปุ่มสำคัญอย่าง ‘snipe’ (เข้าซื้อเร็ว) และ ‘copy trade’ เพื่อตั้งค่ากลยุทธ์การเทรดของตนเองได้ทันที

สิ่งที่ทำให้ Snorter Bot โดดเด่นกว่าคู่แข่ง คือการรวบรวมฟีเจอร์ที่นักเทรดระดับแนวหน้าต้องการมาไว้เป็นมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการ ตั้งค่าจำกัดความเสี่ยง (Limit Orders), ตัวกรองการเทรดที่หลากหลาย, และการเข้าถึง การแจ้งเตือนการเทรดแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่สร้างความได้เปรียบด้านต้นทุน นั่นคือ ฟีเจอร์การแชร์ (Sharing Feature) ที่คาดว่าจะเปิดให้นักเทรดสามารถลดค่าธรรมเนียมของตนเองได้ ด้วยการอนุญาตให้ผู้อื่นคัดลอกการเทรดผ่าน ลิงก์พันธมิตร (affiliate link) ของตนเอง

อย่างไรก็ตาม จุดที่จะสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงคือการทำให้ Copy Trading เป็นเรื่องง่าย Snorter Bot ให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงกลไกการค้นหา Address ของนักเทรดที่ทำกำไร เพื่อคัดลอกกลยุทธ์ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดนักเทรดจำนวนมหาศาลเข้าสู่แพลตฟอร์มบอทเทรด เพราะโอกาสในการทำกำไรมหาศาลจากการเทรด เหรียญมีมบนเครือข่าย Solana นั้นเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ ดังที่เห็นจากตัวอย่างการเทรดที่ประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์มคู่แข่งอย่าง Trojan ในช่วงที่ผ่านมา

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Snorter Bot ถูกจับตามอง คือความทะเยอทะยานที่จะยกระดับการทำ Copy Trading ให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น ปัจจุบันนักเทรดรายย่อยจำนวนมากต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มอย่าง birdeye.so เพื่อค้นหา “นักเทรดที่ทำกำไร” (Profitable Traders) โดยเฉพาะในตลาดเหรียญมีมบน Solana แม้ว่า Birdeye จะเปิดให้เข้าถึง 10 อันดับแรกของ Wallet Address ได้ฟรี แต่หลาย Address ก็อาจมี ธงแดง (Red Flags) ที่ระบบตรวจจับว่ามีความเสี่ยงต่อการเป็นเหรียญหลอกลวง (Scam Coins) ซึ่งนักเทรดต้องจ่ายค่าสมาชิกเพื่อดูรายการทั้งหมดและทำการตรวจสอบด้วยตนเอง

ทางเลือกอื่นอย่าง dEdge บน Telegram ก็ยังคงมีคำเตือน “ผู้ซื้อพึงระวัง” (Caveat Emptor) กำกับอยู่เสมอ ซึ่งหมายความว่า นักลงทุนยังต้องทำการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะ (Due Diligence) ด้วยตนเองอย่างหนักสำหรับ Address ที่แนะนำให้คัดลอก หาก Snorter Bot สามารถนำเสนอเครื่องมือที่ช่วย ลดภาระในการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะ ที่ยุ่งยากเหล่านี้ได้จริง นั่นเท่ากับเป็นการสร้างชื่อเสียงที่แข็งแกร่งและรวดเร็วให้กับแพลตฟอร์ม ซึ่งอาจนำมาสู่ปริมาณการซื้อขายและผลตอบแทนแก่ผู้ถือโทเค็น  SNORT ในฐานะเจ้าของสินทรัพย์หลักของแพลตฟอร์ม

นอกเหนือจากประเด็น Copy Trading แล้ว ความเร็ว ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งยวดในการเทรดเหรียญมีม การ Snipe โทเค็น ในช่วงเปิดตัวจำเป็นต้องอาศัยการเข้าซื้อที่เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยนักเทรดมืออาชีพมักจะถือโทเค็นไว้เพียงไม่กี่นาทีหรือเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น ซึ่งในจุดนี้ Snorter Bot ที่ถูกสร้างขึ้นบนเครือข่าย Solana ได้เปรียบอย่างมหาศาล ด้วยคุณสมบัติ เวลาบล็อกที่เร็วเป็นพิเศษ, การยืนยันธุรกรรมในเวลาไม่ถึงวินาที, และ ค่าธรรมเนียมที่ต่ำมาก ทำให้ผู้ใช้งานได้เปรียบอย่างชัดเจนในการ Snipe เหรียญมีมบน Solana

ก่อนการเปิดตัวที่หลายคนตั้งตารอในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ ทีมพัฒนาอัปเดตว่า Snorter Bot มีความพร้อมด้านประสิทธิภาพ ผ่านการตรวจสอบอย่างสมบูรณ์ และได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับการขยายขนาดเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังมีแผนงานที่ทะเยอทะยานในการก้าวสู่การเป็น Multichain โดยเริ่มจาก EVM ( Ethereum Virtual Machine) ซึ่งมีการเปิดใช้งาน สะพานเชื่อม Ethereum แล้ว และยังมีแผนที่จะขยายไปสู่การร่วมมือกับ DeFi, การกำกับดูแลโดยชุมชน และการเปิดให้ใช้งาน API สำหรับการซื้อขายอีกด้วย เพื่อไม่ให้พลาดการอัปเดตและข่าวสารสำคัญ นักลงทุนสามารถติดตามชุมชน Snorter ได้ผ่านช่องทางโซเชียล X , Instagram และเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ Snorter Bot

เช็คลิสต์ รายละเอียด สถานะ
1. เว็บไซต์ & Whitepaper โปรเจกต์มีเว็บไซต์ที่ดูน่าเชื่อถือ และมีเอกสาร Whitepaper ที่ระบุข้อมูลชัดเจนไม่กำกวม ✔️
2. ความโปร่งใสของทีมงาน ทีมพัฒนามีการเปิดเผยตัวตนชัดเจนไม่ได้ปกปิดข้อมูลแต่อย่างใด
3. Tokenomics เหรียญมีการแจกแจงการปันส่วนที่สมเหตุผล และฝ่ายใดถือครองจนมากเกินไป ✔️
4.Smart Contract Smart contract มีความโปร่งใสและถูกตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการใส่โค้ดแอบแฝงเพื่อโจมตีนักลงทุน ⚠️ (ไม่ชัดเจน)
5. มีกำหนดการชัดเจน โปรเจกต์มีการกำหนดวันสิ้นสุดการระดมทุนพรีเซล รวมถึงวันลิสต์เหรียญอย่างชัดเจน
6. ผู้ใช้สามารถถอนเงินได้ กรณีเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดขึ้น นักลงทุนยังคงสามารถทำการถอนเงินคืนได้ ⚠️ (ไม่ชัดเจน)
7. คอมมูนิตี้ โปรเจกต์มีชุมชนคอยให้การสนับสนุนจริง ไม่ได้ถูกรันด้วยบอทเพียงอย่างเดียว ✔️
8. สภาพคล่อง โปรเจกต์มีการล็อกสภาพคล่องเพื่อระงับไม่ให้เกิดการ Rug pull ขึ้น ⚠️ (ไม่ชัดเจน)
9. สัญญาณอันตราย โปรเจกต์ไม่มีสัญญาณอันตราย เช่น การระดมทุนจะสิ้นสุดเมื่อราคาถึงระดับ XXX เป็นต้น ⚠️ (ไม่ชัดเจน)
อ่านรายละเอียดเช็คลิสต์เพิ่มเติมได้ที่นี่

บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโปรเจกต์คริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการแนะนำหรือเชิญชวนให้ลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ โปรดศึกษาข้อมูลให้รอบคอบและลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้ ทาง Siam Blockchain รวมถึงผู้บริหารและพนักงานของบริษัท ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบในทุกกรณีหากเกิดความเสียหายจากการลงทุนของท่าน

บทความนี้เป็นบทความสปอนเซอร์