สกอตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันพุธ (12 พ.ย.) ว่า รัฐบาลเตรียมประกาศมาตรการสำคัญในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อลดราคาสินค้าที่สหรัฐฯ ไม่ได้ผลิตเอง เช่น กาแฟ กล้วย และสินค้านำเข้าอื่นๆ
ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบาย หลังพรรครีพับลิกันพ่ายแพ้การเลือกตั้งในหลายพื้นที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งพรรคเดโมแครตชูประเด็น “ค่าครองชีพ” (Affordability) และภาวะเงินเฟ้อเป็นประเด็นโจมตีหลัก
แรงกดดันทางการเมือง สู่การทบทวนภาษี
ชัยชนะของเดโมแครตในรัฐนิวเจอร์ซีย์ นิวยอร์ก และเวอร์จิเนีย สะท้อนความกังวลของประชาชนต่อภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์หลายคนชี้ว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก “ภาษีนำเข้า” (Import Tariffs) ในระดับสูงที่รัฐบาลทรัมป์บังคับใช้
หลังการพ่ายแพ้ ทรัมป์ได้เสนอแนวคิดแจก “เช็คเงินคืน” (Rebate checks) 2,000 ดอลลาร์ และแนวคิด “สินเชื่อบ้าน 50 ปี” (50-year mortgage)
เบสเซนต์ได้ชี้แจงประเด็นเช็ค 2,000 ดอลลาร์ว่า จะเป็นสำหรับผู้มีรายได้ต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์ต่อปี แต่ยืนยันว่า “ยังอยู่ระหว่างการหารือ” (It’s in discussion) และไม่ได้กล่าวถึงแนวคิดสินเชื่อบ้าน 50 ปี ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก
‘กาแฟ’ นำร่องลดภาษี ตลาดขานรับ
ราคากาแฟในตลาดโลกร่วงลงอย่างหนักในวันพุธ หลังมีสัญญาณว่าสหรัฐฯ จะลดภาษีนำเข้า การส่งสัญญาณครั้งนี้สอดคล้องกับที่ประธานาธิบดีทรัมป์ เคยให้สัมภาษณ์เมื่อวันอังคารว่า สหรัฐฯ จะลดภาษีนำเข้ากาแฟบางส่วน
ก่อนหน้านี้ ผู้คั่วกาแฟในสหรัฐฯ ต้องใช้เมล็ดกาแฟในสต็อก เนื่องจากกาแฟบราซิล ซึ่งคิดเป็นหนึ่งในสามของการบริโภคในสหรัฐฯ ไม่สามารถสู้ราคาตลาดได้ เพราะถูกภาษีนำเข้า 50% ที่ทรัมป์บังคับใช้เมื่อเดือนสิงหาคม
เบสเซนต์ยืนยันว่า “คุณจะได้เห็นประกาศที่ชัดเจนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เกี่ยวกับสิ่งที่เราไม่ได้ปลูกเองในสหรัฐฯ กาแฟคือหนึ่งในนั้น กล้วย และผลไม้อื่นๆ”
ผลกระทบต่อ Bitcoin และตลาดคริปโต
การประกาศของรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อ Bitcoin (BTC) และตลาดคริปโตในหลายมิติ
1. การยอมรับภาวะเงินเฟ้อ การที่รัฐบาลต้อง “รีบ” ออกมาตรการเพื่อ “ลด” ราคาสินค้า ถือเป็นการ “ยอมรับ” โดยนัยว่า ภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพ “เป็นปัญหาจริง” ตามที่ประชาชนและพรรคเดโมแครตโจมตี ปัจจัยนี้ช่วยตอกย้ำ “เรื่องเล่า” (Narrative) หลักของ Bitcoin ในฐานะ “สินทรัพย์รักษามูลค่า” (Store of Value) หรือ “ทองคำดิจิทัล” เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อในระยะยาว
2. การลดแรงกดดันเงินเฟ้อ (ระยะสั้น) ในทางกลับกัน หากมาตรการ “ลดภาษีนำเข้า” สามารถทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค “ลดลงอย่างรวดเร็ว” (Very quickly) ตามที่เบสเซนต์คาดหวัง ก็อาจช่วย “ลด” อัตราเงินเฟ้อในระยะสั้นได้ ซึ่งอาจส่งผลลบต่อ Bitcoin “ชั่วคราว” เนื่องจากความต้องการถือสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ (Inflation Hedge) จะลดน้อยลง
3. ความหวัง “เช็คกระตุ้น” แม้เบสเซนต์จะยังไม่ยืนยัน แต่การที่ประเด็น “เช็คเงินคืน 2,000 ดอลลาร์” ยังคง “อยู่ระหว่างการหารือ” ถือเป็นปัจจัยบวกที่ตลาดจับตามอง หากมาตรการนี้เกิดขึ้นจริง ประวัติศาสตร์ในอดีตชี้ว่า เงินกระตุ้นเศรษฐกิจ (Stimulus) ส่วนหนึ่งมักจะไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงตลาดคริปโตเคอร์เรนซี
คาดเศรษฐกิจฟื้นตัวต้นปี 2026
เบสเซนต์กล่าวว่า มาตรการเหล่านี้จะทำให้ราคาสินค้าลดลง และคาดว่าชาวอเมริกันจะ “เริ่มรู้สึกดีขึ้น” เกี่ยวกับเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกหรือไตรมาสที่สองของปี 2026
นอกจากนี้ มาตรการอื่นๆ ที่รัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้ว เช่น การลดภาษีสำหรับ “เงินล่วงเวลา” (Overtime) และ “ทิป” (Tips) จะเริ่มมีผลบังคับใช้ต้นปีหน้า เขายังกล่าวเสริมว่า “ค่าแรงที่แท้จริงกำลังจะเพิ่มขึ้น”
ที่มา: reuters

