เมื่อเร็วๆนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศจีนได้ออกแถลงว่า พวกเขาได้ค้นพบแหล่งแร่ทองขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบเจอมาตั้งแต่ปี 1949 หรือประมาณ 76 ปีที่แล้ว
รายงานเปิดเผยว่า แหล่งแร่ดังกล่าวตั้งอยู่บนมณฑลเหลียวหนิง โดยคาดว่ามีทองคำจำนวนมากถึง 1,444 ตัน ซึ่งหากคิดเป็นราคาปัจจุบันจะคิดเป็นมูลค่าที่สูงถึง 6 ล้านล้านบาท ซึ่งการสำรวจครั้งนี้ใช้เวลาเพียงแค่ 15 เดือนเท่านั้น จากทีมงานยอดฝีมือกว่า 1,000 คน ของ Liaoning Geological and Mining Group
รัฐบาลจีนระบุว่าการค้นพบครั้งนี้แม้จะมีขนาดที่ใหญ่พิเศษ แต่คุณภาพของทองคำที่ได้นั้นอยู่ในระดับเกรดต่ำ
อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังจะเห็นได้ว่าทางการจีนได้มีความพยายามอย่างหนักในการค้นพบแหล่งแร่ภายในประเทศ โดยเมื่อปี 2024 พวกเขาก็ได้มีการค้นพบเหมืองทองซูเปอร์ไจแอนท์ ณ มณฑลหูนาน ซึ่งมีทองคำมากกว่า 1,000 ตัน
ขณะเดียวกัน มณฑลกานซู่ของจีนก็มีการค้นพบแหล่งแร่ทองอีก 40 ตันเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งหากเหมืองทองทั้งสามแห่ง (ตามที่อ้างอิง) ได้รับการขุดเจาะอย่างเต็มรูปแบบ ย่อมจะส่งผลให้อุปทานทองคำในตลาดโลกเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งนี้ ในปี 2024 จีนผลิตทองคำได้มากถึง 377.24 ตัน เพิ่มขึ้น 0.56% จากปีก่อนหน้า ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของชนชั้นกลางที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและรักษาความมั่งคั่ง
ปัจจุบัน นอกเหนือจากทองคำ โลกยังได้พบกับสินทรัพย์อีกตัวที่สามารถกักเก็บมูลค่าได้ นั่นคือ Bitcoin ส่งผลให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยเรียกขานมันว่า “ทองคำดิจิทัล”
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ Bitcoin ยังเป็นเรื่องใหม่และมักถูกใช้ในการเก็งกำไร จึงมีความผันผวนสูง ด้วยเหตุนี้สถานภาพของ Bitcoin ในการเป็นสินทรัพย์เก็บรักษามูลค่าจึงยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่
ที่มา : euronews
ลิงก์ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จีนพบเหมืองทองคำระดับ ‘ซูเปอร์ไจแอนท์’ ประเมินมีทองกว่า 1,100 ตัน มูลค่ากว่า 3 ล้านล้านบาท

