สัญญาณเตือนภัยในตลาดการเงินเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อนักลงทุนสถาบันต่างพากันเร่งซื้อตราสารอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการปรับตัวลงอย่างรุนแรงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อทิศทางเศรษฐกิจในอนาคต
ข้อมูลจาก The Kobeissi Letter ซึ่งอ้างอิงรายงานของ Goldman Sachs ระบุว่า ต้นทุนของ Put Option อายุ 5 ปี ที่ใช้ป้องกันความเสี่ยงในกรณีที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลงอย่างน้อย 55% (Out-of-the-Money Put Option) ได้พุ่งขึ้นแตะระดับ 46 Basis Points (bps) ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เหตุการณ์เทขายครั้งใหญ่ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา และหากไม่นับรวมเดือนเมษายน ตัวเลขนี้ถือว่าสูงที่สุดในรอบอย่างน้อย 2 ปี
การที่ต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงพุ่งสูงขึ้นเช่นนี้ บ่งชี้ชัดเจนว่านักลงทุนยินดีที่จะจ่ายเงินแพงขึ้นเพื่อ “ซื้อประกัน” พอร์ตการลงทุนของตนเองจากความเสี่ยงที่ตลาดหุ้นอาจเกิดการปรับฐานครั้งใหญ่ในระยะยาว
นอกจากนี้ รายงานยังระบุอีกว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มูลค่ารวมของการซื้อขายสัญญา Options และสัญญาป้องกันความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Protection Contracts) ได้ทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความต้องการของตลาดในการหาเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ในอดีต การพุ่งขึ้นของต้นทุน Put Option มักจะถูกตีความว่าเป็นสัญญาณของความกลัวและความไม่แน่นอนในตลาด ซึ่งอาจนำไปสู่ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า นี่อาจเป็นเพียงการปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบันเพื่อเตรียมรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลาง
แม้ว่าการป้องกันความเสี่ยงจะเป็นเรื่องปกติในโลกการเงิน แต่การที่ต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะที่ตลาดหุ้นยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูง ก็ถือเป็นสัญญาณที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม และควรเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
การที่นักลงทุนแห่ซื้อ Put Option เพื่อป้องกันความเสี่ยงขาลงอย่างหนัก สะท้อนให้เห็นถึงความไม่มั่นใจในทิศทางตลาดหุ้นในระยะยาว แม้ว่านี่อาจไม่ใช่สัญญาณของการเกิดวิกฤตในทันที แต่ก็เป็นเครื่องเตือนใจให้นักลงทุนเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น และพิจารณากระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนอย่างเหมาะสม
ที่มา: @KobeissiLetter