สถานการณ์ของบริษัทที่เน้นถือครองคริปโตเริ่มส่อแววอันตราย เมื่อ ETHZilla (ETHZ) บริษัทจดทะเบียนใน Nasdaq ที่เคยประกาศตัวเป็นคลังสำรอง Ethereum เบอร์ต้นๆ ต้องตัดสินใจ “เทขาย” สินทรัพย์ดิจิทัลสุดหวงอย่าง Ether (ETH) ออกมาเป็นครั้งที่สอง รวมมูลค่ากว่า 74.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำเงินสดมาโปะหนี้ ท่ามกลางราคาหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนักจนน่าใจหาย
ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง จาก ‘ผู้สะสม’ สู่ ‘ผู้เทขาย’
นี่คือภาพสะท้อนที่ชัดเจนที่สุดของปรากฏการณ์ “ฟองสบู่คลังสินทรัพย์ดิจิทัลแตก” จากเดิมที่บริษัทต่างๆ เคยแย่งกันกว้านซื้อคริปโตเพื่อเก็บเข้างบดุล หวังสร้างมูลค่าเพิ่ม แต่ปัจจุบันกลับต้องจำใจเทขายออกมาเพื่อพยุงสถานะทางการเงิน
ล่าสุด ETHZilla ได้แจ้งต่อหน่วยงานกำกับดูแลเมื่อวันศุกร์ว่า บริษัทได้ขาย Ether จำนวน 24,291 ETH ออกไปในราคาเฉลี่ย 3,068 ดอลลาร์ เพื่อนำเงินไปไถ่ถอนหุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Notes) ตามสัญญา การเคลื่อนไหวครั้งนี้ทำให้บริษัทเหลือ Ether ในมือลดลงเหลือประมาณ 69,800 ETH (มูลค่าราว 200 ล้านดอลลาร์)
หุ้นร่วงยับ 96% – ยิ่งซื้อคืน ยิ่งเจ็บ
วิกฤตศรัทธาที่มีต่อ ETHZilla ดูเหมือนจะรุนแรงเกินเยียวยา แม้ก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคม บริษัทจะเคยขาย Ether ไปแล้ว 40 ล้านดอลลาร์เพื่อนำเงินมา “ซื้อหุ้นคืน” หวังพยุงราคา
แต่กลยุทธ์นั้นกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะราคาหุ้นยังคงไหลรูดลงอย่างต่อเนื่อง จากระดับ 20 ดอลลาร์ในช่วงนั้น ลงมาซื้อขายต่ำกว่า 7 ดอลลาร์ ในปัจจุบัน หรือคิดเป็นการปรับตัวลดลงถึง 96% จากจุดสูงสุดในเดือนสิงหาคม
ทางตันระดมทุน จำใจต้อง ‘กินบุญเก่า’
แรงกดดันมหาศาลตกอยู่ที่บริษัทจดทะเบียนเหล่านี้ เมื่อราคาหุ้นร่วงลงจนต่ำกว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ทำให้ประตูแห่งการระดมทุนเพื่อซื้อคริปโตเพิ่มถูกปิดตายลง หนทางเดียวที่เหลืออยู่ในการบริหารจัดการหนี้สินคือการ “กินบุญเก่า” โดยการควักเนื้อตัวเองออกมาขาย ซึ่ง ETHZilla ยอมรับว่า บริษัทอาจจำเป็นต้องขาย Ether เพิ่มเติมหรือเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนอีกในอนาคตเพื่อหาเงินสดมาหมุนเวียนและผลักดันธุรกิจต่อไป
ที่มา: coindesk

