ระบบเครือข่ายของ Ethereum ที่ในขณะนี้มีมูลค่าตลาดรวมราวๆ 28.5 ล้านดอลลาร์ ณ ขณะที่รายงานข่าวอยู่นี้ กำลังประสบปัญหาการ scaling (การจัดการขนาดบล็อก) ถึงแม้ว่าผู้ใช้งานแบบจริงจังจะมีไม่มากก็ตามที
เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ ผู้ก่อตั้ง Ethereum นามว่า Vitalik Buterin ได้ออกมาเน้นย้ำถึงปัญหาของ decentralized app ที่มักจะถูกเขียนขึ้นมาแบบไร้คุณภาพ หรือไม่ก็ส่งผลให้ขนาดของ smart contract สูงโดยไม่จำเป็น
ที่สำคัญไปกว่านั้น เขาได้อธิบายว่าการขึ้นราคาค่าธรรมเนียมธุรกรรมของ Ethereum นั้นได้ส่งผลกระทบให้ตลาด ICO บูมขึ้นมาอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่นนักลงทุนรายหนึ่งที่แย่งซื้อ ICO ของ BAT ที่ยอมจ่ายค่าธรรมเนียมถึง 2,200 ดอลลาร์เพื่อที่จะได้ถูกคอนเฟิร์มเป็นรายแรกและสามารถซื้อเหรียญดังกล่าวได้ กระนั้นนาย Vitalik ได้กล่าวว่าค่าธรรมเนียมโดยเฉลี่ยนั้นไม่ใช่ตัวบ่งบอกที่แม่นยำว่าว่า Ethereum กำลังเกิดปัญหา Scaling อยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม การดีเบทครั้งใหม่เกี่ยวกับปัญหาการ scaling ของ Ethereum ในขณะนี้ดูเหมือนจะจุดชนวนการถกเถียงขึ้นมา โดยมีนาย Sizhao Yang หรือผู้ร่วมก่อตั้ง FarmVille ได้กล่าวว่าค่าธรรมเนียมธุรกรรมของ Ethereum นั้นต่ำกว่าและยืดหยุ่นกว่าของ Bitcoin มาก นาย Yang ยังเน้นย้ำด้วยว่าในขณะที่ Bitcoin กำลังประสบปัญหาการ scaling อย่างสาหัสนั้น ระบบของ Ethereum นั้นได้ถูก scaling ออกมาอย่างเหมาะสมแล้ว
คำกล่าวของนาย Yang เกี่ยวกับการ Scaling ของ Ethereum นั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ข้อเท็จจริง เนื่องจากเว็บผู้ให้บริการเทรดที่มีชื่อเสียงอย่าง BTC-E และ Coinbase ต่างก็หยุดให้บริการเทรดเนื่องจากความไม่สถียรของเครือข่ายของ Ethereum
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บผู้ให้บริการเทรดเหรียญคริปโต BTC-E ได้ออกมาประกาศว่า
“เนื่องมาจากการใช้ปริมาณเครือข่ายของ Ethereum ที่มากกว่าปกติจนส่งผลถึงการโหลด ทางเราจึงต้องหยุดให้บริการถอนเหรียญ ETH เป็นการชั่วคราว”
นาย Jameson Lopp หรือวิศวกรที่ BitGo ได้เปิดเผยให้เห็นถึงข้อมูลปัญหาการ scaling ของ Ethereum ที่แสดงให้เห็นถึงการขยายใหญ่ของขนาดบล็อก โดยถึงแม้ว่า Ethereum จะไร้ซึ่งปริมาณของ app และโปรเจ็ค ICO รวมถึงผู้ใช้งานจริงนั้น แต่ขนาดของ blockchain ของ Ethereum ได้แซงหน้าของ Bitcoin ไปแล้ว โดยแซงไปมากกว่า 200 GB เลยทีเดียว
#TheFlippening happened in February. https://t.co/jECgQe1XzA pic.twitter.com/RzDNLYPm2k
— Jameson Lopp (@lopp) June 21, 2017
มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะคำนึงถึงหลักความจริงที่ว่าเครือข่ายของ Ethereum นั้นอาจจะยังไม่ถึงขั้นประสบความสำเร็จถึงขั้นเป็นที่รู้จักในหมู่กระแสหลัก หรือมี app มารองรับเนื่องจากว่าถ้ามีผู้ใช้งานจริงเริ่มเข้ามาใช้งานนั้น การ scaling ที่มีอยู่ในปัจจุบันอาจจะย่ำแย่กว่าที่เป็นอยู่ก็ได้
มีนักลงทุนและนักวิเคราะห์บางคนที่อ้างว่า Ethereum นั้นคือสกุลเงินใช้สำหรับซื้อขายสินค้าเหมือนกับ Bitcoin แต่อย่างไรก็ตาม ความจริงแล้วนั้นเหรียญ Ethereum ถูกสร้างออกมาโดยเปรียบเสมือน “แก๊ส” หรือ “น้ำมัน” ที่เป็นพลังงานคอยขับเคลื่อน decentralized application โดยมันไม่เหมือนกับ Bitcoin หรือ Ethereum Classic เนื่องจากว่ามันสามารถถูกขุดออกมาได้โดยไม่มีจำนวนจำกัด นักลงทุนควรจะมอง Ethereum ว่ามันคือสินทรัพย์ชนิดหนึ่งที่มีมูลค่า แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น มีเพียงผู้ใช้งานที่แท้จริงเป็นจำนวนน้อยมาก ที่ใช้งาน ETH ในจุดประสงค์ที่มันถูกออกแบบมา
นาย Peter Todd หรือหนึ่งในนักพัฒนา Bitcoin Core ได้วิจารณ์นาย Gavin Andressen เนื่องจากเขาออกมากล่าวว่า
“Ethereum นั้นมีโวลลุ่มโดยคิดเป็น 80% ของ Bitcoin แต่ก็ยังสามารถทำการ scale กันได้โดยไม่มีดรามา แต่การ scaling ของ Bitcoin นั้นดูเหมือนปัญหาจะมาจากสิ่งที่เราทุกคนต่างก็รู้ดี…กลุ่มนักพัฒนาไง”
โดยนาย Peter ได้โต้กลับว่า “แหม ดูสิพวกเรา ทุกวันนี้เว็บเทรดแต่ละเว็บต่างก็พากันหยุดให้บริการเทรด Ethereum เนื่องจากมันล้มเหลวในการ scaling”
นาย Tuur Demeester หรือนักเทรด Bitcoin, นักลงทุน และนักวิเคราะห์ได้กล่าวว่าการเปลี่ยนจาก proof of work (สายขุด) ไปเป็น proof of stake ( สายดอกเบี้ย) นั้น ในทางทฤษฎีแล้วจะช่วย scaling เครือข่ายของ Ethereum ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตาม เขาได้อธิบายว่า Raiden นั้นดูเหมือนจะไม่ใช่ตัว smart contract ที่จะมาแก้ปัญหาเรื่อง scaling เท่าไรนัก
ดูเหมือนว่าในขณะนี้ Ethereum นั้นยังไม่มี decentralized app ที่มากพอ และยิ่งไปกว่านั้น จำนวนผู้ใช้งานที่แท้จริงก็ยังไม่เยอะถึงขั้นออกไปสู่ตลาดกระแสหลักด้วย
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น