เมื่อสี่วันที่ผ่านมา ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วในวันที่ 4 เมษายนว่าผู้เสียหายจากเว็บเทรด Bitcoin ในตำนาน Mt. Gox สามารถที่จะยื่นเรื่องขอเงินของพวกเขาคืนได้แล้วผ่านตัวแทน นาย Nobuaki Kobayashi ทว่าล่าสุดนั้น นาย Andy Pag หรือผู้ประสานงานของทีมผู้เสียหาย ตัดสินใจที่จะเลิกต่อสู้ในชั้นศาล เนื่องจากเขาคิดว่าขั้นตอนนั้นอาจจะใช้เวลานานเกินไปหลายปี กว่าจะได้ข้อยุติลง
กล่าวโทษการยื่นขอเงินคืนของ Coinlab และแผนของนาย Karpeles
นาย Andy Pag ผู้ซึ่งเป็นผู้ประสารงาน และผู้ก่อตั้งกลุ่มผู้เสียหายจาก Mt.Gox ที่ใหญ่ที่สุดนามว่า Mt.Gox Legal กล่าวว่าเขาจะยุติบทบาทในการทำหน้าที่ประสานงานด้านกฎหมายเพื่อเรียกร้องเงินคืนจากเว็บเทรด Bitcoin ที่เคยถูกแฮ็คไปเมื่อปี 2012 ดังกล่าว โดยเขาเผยว่าจะหยุดทำหน้าที่ในเดือนเมษายนนี้ และจะ ‘ขายต่อข้อเรียกร้องของเขา’ อ้างอิงจากเอกสารดังกล่าวที่ถูกเผยแพร่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดย Mt. Gox Legal นี้ถูกก่อตั้งขึ้นโดยมีกลุ่มผู้เรียกร้องค่าเสียหายจำนวนกว่า 900 ราย และเรียกเงินคืนเป็นจำนวนมากกว่า 125,000 BTC
อาจกล่าวได้ว่านาย Pag และองค์กรของเขานั้นมีสัดส่วนสมาชิกที่เป็นผู้เสียหายจาก Mt.Gox เกือบทั้งหมด ที่ต้องการจะได้เงินของพวกเขากลับคืนมาให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตามนาย Pag นั้นก็มองว่าสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องสูญเปล่า และได้ตัดสินใจที่จะยุติหน้าที่ของเขาลง เนื่องจากว่าขั้นตอนทางกฎหมายในการจ่ายเงินคืนนั้นอาจกินเวลาถึง 18-24 เดือน และเขารู้สึกว่ามันอาจจะกินเวลามากกว่านี้อีกด้วย นาย Pag กล่าวผ่านจดหมายของเขาฉบับล่าสุดว่าเขานั้นเชื่อมั่นว่าการเคลมขอเงินคืนของ Coinlab จำนวน 1.7 ล้านล้านเยน (1.6 หมื่นล้านดอลลาร์) นั้นคือเหตุผลที่จะทำให้แผนการของเขาเสีย
นอกจากนี้นาย Pag ยังกล่าวโทษผู้ก่อตั้ง Mt.Gox นาย Mark Karpeles ว่านี่คือ “แผนการของเขา” และเขา “สงสัยว่านาย Mark คือตัวการที่ทำให้เกิดการดีเลย์และความล่าช้านี้” นอกจากนี้นาย Pag ยังได้ประกาศขายต่อข้อเรียกร้องของเขา และดูเหมือนว่าจะมีคนมาขอซื้อต่อเสียด้วย ที่ราคา 15% หรือประมาณ 600 ดอลลาร์ต่อ BTC ที่เขา (อาจ) ได้คืนหากเรียกร้องสำเร็จ
นอกจากนี้นาย Pag ยังได้เน้นย้ำว่าเขาจะลาออกในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ และผู้ประสานงานคนใหม่จะต้องถูกแต่งตั้งขึ้นมาผ่านการเลือกตั้ง พร้อมเสริมว่าองค์กร Mt. Gox Legal อาจจะต้อง “หยุดพักก่อน”
ท่น่าสนใจคือนาย Pag เผยว่าหลังจากที่เขาเดินทางไปเพื่อสู้คดีที่ญี่ปุ่นนั้น เขาได้เผยถึงปัญหาสองข้อ ที่เป็นชนวนที่ทำให้เขาท้อใจซึ่งประกอบไปด้วย
- จะไม่มีการให้เงืนคืนแก่ผู้เสียหายรายย่อย จนกว่าจะสามารถตัดสินคดีของ Coinlab ได้ก่อน
- นาย Mark บอกนาย Pag ว่าเขาต้องการช่วยให้บริษัท Tibanne (บริษัทแม่ของ Mt.Gox) รอดจากการล้มละลาย และกล่าวเสริมว่าการกระทำดังกล่าวจะช่วยทำให้ผู้เสียหายรายย่อยต่อสู่กับ Coinlab ได้ ส่งผลให้ทาง Coinlab ยอมถอนคำขอเงินคืน
มหากาพย์ที่ดูเหมือนจะไม่จบง่าย ๆ
ทว่าดูเหมือนว่านาย Pag นั้นจะไม่ไว้ใจแผนการของนาย Mark สักเท่าไร โดยกล่าวเปรียบว่าคำพูดของเขาไม่ต่างจาก “อุจจาระที่มีอยู่ในทุก ๆ ระดับ” ซึ่งสิ่งที่ทำให้นาย Pag เชื่อในลักษณะดังกล่าวนั้นมาจากพฤติกรรมเมื่อปี 2011-2014 ของเขาที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์และแผนการชั่วร้าย โดยกล่าวว่า “เจ้า Mark มันเอาอีกแล้ว พยายามหาคนสมคบคิด เพื่อปล้นจากคนหนึ่ง มาให้อีกคนหนึ่ง”
โดยรวมแล้วสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้นาย Pag ทำงานยากขึ้นก็คือการที่นาย Peter Vessenes หรือผู้ก่อตั้ง Coinlab ออกมาเคลมจำนวนเงินที่สูญเสียไปจาก Mt.Gox ว่ามีมากกว่าผู้เสียหายรายอื่น ๆ ถึง 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์
สาเหตุที่ทาง Coinlab ตกเป็นหนึ่งในผู้เสียหายด้วยนั้นก็เพราะเมื่อปี 2012 ทาง Coinlab ได้ทำข้อตกลงกับบริษัท Tibanne ที่จะทำให้ทาง Coinlab มีสิทธิ์ในการหากินกับลูกค้าของ Mt.Gox ที่อยู่ในสหรัฐฯ และแคนาดาได้ ทว่าในภายหลังข้อตกลงดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นจริงขึ้นมา และทั้ง Coinlab กับ Tibanne ต่างก็ฟ้องกันไปมา จนทำให้ภายหลังเกิดการล้มละลาย และฟื้นฟูบริษัทขึ้นมาใหม่ ซึ่งภายหลังการออกมาเคลมจำนวนเงิน 1.6 ล้านล้านเยนของทาง Coinlab นั้นมาจากข้ออ้างของ CEO ที่บอกว่าเป็นดอกเบี้ยของค่า “ความไว้วางใจ” ของผู้ถือหุ้น Coinlab ที่ยังคงเชื่อมั่น และอยู่ในบริษัท
ภายหลังนาย Pag ตัดจบว่าการลาออกจากตำแหน่งของเขานั้นไม่ใช่การตัดสินใจที่ได้มาแบบง่าย ๆ และกลุ่ม Mt. Gox Legal ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาไปแล้ว ส่วนการขายต่อข้อเรียกร้องของเขาในมูลค่า 600 ดอลลาร์ต่อ BTC นั้น เขากล่าวว่าผู้ที่มาซื้อมันต่อจากเขา ก็เท่ากับว่าซื้อข้อเรียกร้องของคนอื่น ๆ ในกลุ่มเช่นกัน เขาตัดจบโดยกล่าวว่าต่อจากนี้ไปเขาจะได้หันไปโฟกัสเรื่องอื่นในชีวิตของเขาเสียทีและ “เขารู้สึกดีมากกับอนาคตใหม่ของเขาอีกด้วย”
รวบรวมข้อมูลจาก Bitcoin.com
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น