<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

SegWit2x จะทำให้ Bitcoin ตัวที่สามเกิดขึ้นมาหรือไม่

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

การประชุมหาข้อตกลงในการ scaling Bitcoin ในชื่อ New York Agreement ที่มีการหาข้อตกลงร่วมในการแก้ไขการอัพเกรด Bitcoin ได้แล้ว แต่บางคนก็ยังเชื่อว่ามันอาจจะทำให้มี Bitcoin ตัวที่สามถูกแยกออกมาอีก

ผลสรุปของการประชุมนั้นคือการสร้างแผนรองรับที่ชื่อว่า SegWit2x ที่ซึ่งเป็นการนำเอาแผน Segregated Witness ดั้งเดิมมาผนวกกับการ hard fork ในเดือนพฤษจิกายนเพื่อเพิ่มขนาดบล็อกของ Bitcoin ให้กลายเป็น 2MB

ในขณะที่แนวคิดวิเคราะห์การก่อให้เกิด Bitcoin ตัวที่ 3 ดังกล่าวฟังดูอาจจะมีน้ำหนัก แต่ปัญหาคือ SegWit2x นั้นอาจจะมีข้อบกพร่อง ซึ่งก็เหมือนๆกับเหรียญตัวอื่นๆที่มีการแยกตัว (เช่น Ehtereum) ที่ต่างคนต่างก็ไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการทั้งหมดด

ไม่ใช่ปัญหาธรรมดา

SegWit2x นั้นไม่ได้ก่อปัญหาระดับธรรมดา ก่อนหน้านี้ถ้าหากนักขุดต้องการที่จะขยับเพื่อเปลี่ยนระบบนั้น ผู้ที่มีพลังขุดมากที่สุด (และต้องมากกว่า 51%) ถึงจะทำการเปิดใช้ได้ แต่มาครั้งนี้ พวกเขาจะต้องมีแนวร่วมที่เป็นผู้สนับสนุน SegWit ที่จะเข้ามาร่วมสนับสนุนแนวคิดเรื่องการเพิ่มขนาดบล็อกในอีกไม่กี่เดือนที่จะถึงนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนการที่พวกเขาจะได้ข้อตกลงในการติดตั้ง SegWit ไปแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าสัญญาปากเปล่าที่ให้ไว้เรื่องการเพิ่มขนาดบล็อกนั้นจะอยู่ยงคงกระพัน

ถ้าหากสัญญาถูกบิดเบี้ยว นักขุดรายใหญ่ๆ (อย่างเช่น Bitmain) อาจจะเกิดความไม่พอใจที่ทางนักพัฒนาเกิดผิดสัญญาไม่ยอมเพิ่มขนาดบล็อกตามที่พวกเขาต้องการ ซึ่งอาจทำให้พวกเขาต้อง hard fork ตัวเองไปเป็นเหรียญที่สาม ซึ่งอาจจะมีทั้งหมดสามเหรียญที่ประกอบไปด้วย BTC-SegWit (Bitcoin ตัวปัจจุบันที่เราใช้กันอยู่), Bitcoin Cash ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวานซืน และ BTC-SegWit2x

ถ้าหากเกิดขึ้นจริง การแยกตัวในครั้งนี้อาจจะส่งผลกระทบที่รุนแรงกว่า Bitcoin Cash แน่นอน เนื่องจากกลุ่มนักขุดที่ให้การสนับสนุน SegWit2x นั้นมีมากกว่าหลายเท่าตัว ดังนั้นกำลังการขุดก็มีมากกว่าด้วยเช่นกัน

ทีน่าสนใจก็คือนักขุดรายย่อยที่ไม่ได้สวามิภักดิ์กับฝ่ายไหน แต่ทว่าเซ็นสัญญาในการประชุมก่อนหน้านี้แล้ว ก็อาจจะต้องเล่นเกมไปตามน้ำ กล่าวคือหันมาสนับสนุน Bitcoin-SegWit2x ถ้าหากว่ามันเกิดขึ้นจริงอีกด้วย

นาย Jameson Lopp หรือวิศวกรด้านซอฟต์แวร์ของ BitGo ได้ออกมาทวีตว่า


แปล: อืมมมมมมม ตอนนี้เราก็มี fork ของ Bitcoin สองตัวแล้ว ต้องขอบคุณ Bitcoin Cash และพวกคุณก็ยังคิดจะทำ SegWit2x กันอีกหรอ? เพราะว่านั่นจะทำให้เกิด fork ตัวใหม่เพิ่มขึ้นมาเป็น 3 ตัว…

ย้อนยุคกลับไปยุค Middle Ages

สถานะของ Bitcoin ตอนนี้อาจดูเหมือนเป็นการเดินถอยหลังย้อนยุคกลับไปยุคกลาง หรือ Middle Ages ที่ทางกลุ่มนิกายคาทอลิคแยกตัวออกมาเป็นสองฝั่ง

โดยฝั่งแรกคือฝั่งของพระสันตปาปาที่ถูกสนับสนุนโดยพระคาร์ดินัลจากฝรั่งเศส ซึ่งตามพิธีกรรมแล้วนั้นถือว่าถูกต้องและสมควร ในขณะที่ฝั่งที่สองนั้นพระสันตปาปาจะต้องเป็นชาวอิตาลี่เท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์นั่งบัลลังก์ Saint Peter ได้

โดยในความพยายามของกลุ่มพวกชาวตะวันตกเพื่อทำการแก้ปัญหาที่ภายหลังมีคนตั้งชื่อให้มันว่า The Great Western Schism นั้น พวกเขาหาวิธีการมาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเพื่อทำให้โบสถ์รวมเป็นหนึ่งอีกครั้ง โดยนักศาสนศาสตร์ได้ทำการเรียกประชุมสภาที่เมือง Pisa โดยมีชื่อว่าสภาแห่งปิซา โดยภายหลังทางสภามีคำสั่งให้พระสันตปาปาทั้งสองสละราชสมบัติและทำการเลือกพระสันตปาปาคนใหม่ขึ้นมาแทน

แต่โชคไม่ดี ที่พระสันตปาปาชาวฝรั่งเศสและอิตาลีทั้งสองไม่สนใจคำสั่งนั้น ทำให้โบสถ์คาทอลิคในตอนนั้นแยกตัวและเกิดพระสันตปาปาคนที่สามขึ้นในระยะเวลาพร้อมกัน ทว่าการแยกตัวนั้นก็อยู่ได้เพียงแค่ 39 ปีก่อนที่จักรพรรดิโรมันจะเข้ามายึดครอง และทำการปฏิวัติโบสถ์คาทอลิคใหม่

นาย Mark Twain นั้นได้กล่าวว่าประวัติศาสตร์มันจะไม่เกิดขึ้นซ้ำรอยเดิม แต่ว่ามันจะ “สร้างจังหวะทำนอง” ได้ คำถามที่ตามมาคือ อนาคตของวงการ Bitcoin นั้นจะสะท้อนจังหวะทำนองของการแยกตัวของนิกายคาทอลิคในยุคกลางหรือไม่ และจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร?

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น