ราคาของบิทคอยในตอนนี้ได้วิ่งเลย 820 ดอลลาร์หรือ 30,000 กว่าบาทแล้วจากรายงานเมื่อวานนี้ โดยสร้างความดึงดูดนักลงทุนเข้ามามากมาย
ผู้เชี่ยวชาญได้วิเคราะห์ถึงเหตุผลที่อาจส่งผลกระทบถึงการผันผวนของราคานี้ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับราคาเงินหยวนกับบิทคอย, การเปิดโปงการคอรัปชันของธนาคาร, การประกาศเลิกใช้ธนบัตรในหลายๆประเทศรวมถึงการจำกัดวงเงินในการใช้เงินสด
เติบโตท่ามกลางความล้มเหลวของเศรษฐกิจโลก
เป็นครั้งแรกในรอบสองปีกับอีกสิบเดือนที่บิทคอยได้วิ่งข้ามผ่านราคาที่ 800 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนก็ได้ออกมาพูดถึงปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคา
ในบทสัมภาษณ์ของนาย Charles Hayer หรือผู้บริหารระดับสูงและผู้ก่อตั้งเว็บสำหรับเปรียบเทียบ cryptocurrency นามว่า CryptoCompare ได้กล่าวว่า
“การวิ่งขึ้นของราคานั้นยากที่จะฟันธงได้ เนื่องจากว่ามันมีปัจจัยอยู่หลายๆปัจจัยที่มันเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจโลกและการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมืองอย่างเช่นประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ที่กำลังจะขึ้นรับตำแหน่ง และยูโรโซนที่กำลังจะเริ่มหันมาจริงจังกับบิทคอย”
การควบคุมงบประมาณแห่งชาติ และการอ่อนค่าของเงินหยวน
ยังมีนักวิเคราะห์คนอื่นๆอย่างเช่นนาย Barry Silbert หรือ CEO ของ Digital Currecny และนาย Samson Mow หรือ COO ของ BTCC ผู้เห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของ Charles Hayter โดยเขาได้ทวีทข้อความเกี่ยวกับการอ่อนค่าของหยวนและการที่รัฐบาลจีนเพิ่มงบประมาณแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของราคาของบิทคอย
Amazing correlation https://t.co/eTyhV7ZtHs
— Barry Silbert (@barrysilbert) December 20, 2016
(แปล: ช่างเกี่ยวโยงกันเสียนี่กระไร!)
นาย Samson ยังได้อธิบายว่าราคาของบิทคอยนั้นพุ่งทะลุ 800 ดอลลาร์แซงตลาดโลกไปได้สัปดาห์กว่าๆแล้ว โดยถือเป็นประเทศที่ควบคุมบิทคอยที่คิดเป็น 93% ของตลาดโลก ในจีนนั้น บิทคอยถูกทำการซื้อขายด้วยราคาเฉลี่ยที่ 835 ดอลลาร์ โดยแสดงให้เห็นว่าความต้องการของบิทคอยนั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ
มุมมองของเทรนด์ระยะสั้น
มีนักลงทุนและเทรดเดอร์เป็นจำนวนมากที่ทำการกระโดดเข้ามาหาบิทคอยแล้ว รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับวงการการเงินที่ถูกเปิดเผยมาในเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเกี่ยวกับการฉ้อโกงของผู้บริหาร IMF ที่ถูกตัดสินให้มีความผิด และธนาคารสเปนที่แพ้คดีเกี่ยวกับการจ่ายดอกเบี้ยการเช่าบ้าน
ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นการยากที่จะตัดสินว่าราคาบิทคอยจะไปถึงจุดไหนในเทรนด์ระยะสั้นนี้ แต่เท่าที่ดูแล้วราคาอาจจะมีแนวโน้มพุ่งไปสูงกว่านี้อีกแน่นอนในช่วงสิ้นปีที่จะถึง
ภาพประกอบจาก Cloudfront
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น