อย่างที่ทราบกันดีว่าในตอนนี้ กระแสของ Bitcoin นั้นค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับมาเรื่อย ๆ แล้วตั้งแต่ต้นปี 2019 หลังจากที่พบกับตลาดขาลงอย่างหนักในปี 2018 นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์กันว่า ราคาสูงสุดของ Bitcoin ที่เกือบ 20,000 ดอลลาร์ในเดือนธันวาคม 2017 นั้นกำลังจะถูกทำลาย เพราะในปี 2021 Bitcoin จะมีมูลค่าเลย 50,000 ดอลลาร์ ซึ่งในปี 2020 นั้นจะเป็นปีที่สำคัญมาก ๆ สำหรับ Bitcoin เนื่องจากจะมีเหตุการณ์ที่สำคัญ ๆ มากมายเกิดขึ้น เช่นการ Halving ที่เฝ้ารอกันมานาน
ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ถือว่าเป็นอีกเดือนที่ดีมาก ๆ สำหรับ Bitcoin เพราะได้มีการรายงานว่ามีผู้ส่งคำร้องยื่นขออนุมัติ Bitcoin ETF ไปหา SEC จำนวนทั้งหมด 2 เจ้า และนักลงทุนต่าง ๆ เองก็เริ่มหันให้ความสนใจการเปิดตัวของ Bakkt แพลตฟอร์มเทรด Bitcoin Futures แบบ Physical มากขึ้น
ถึงแม้ Bakkt จะถูกเลื่อนการเปิดตัวมาหลายต่อหลายครั้งในปีที่ผ่าน ๆ มา แต่หลังจากที่ผ่านการเปิดตัวไป 48 ชั่วโมง ราคาของ Bitcoin ก็ทะยานมากขึ้นกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ หรือเพิ่มมาประมาณ 400 ดอลลาร์ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ดูเหมือนปริมาณการเทรดของนักลงทุนระดับสถาบันอาจไม่เยอะอย่างที่คาดการณ์กันไว้ เลยเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดการเทขายตามมา
อย่างไรก็ตาม ชุมชนคริปโตยังคงเชื่อมั่นว่า Bakkt จะเป็นตัวกระตุ้น Bitcoin ให้ทะยานกลับไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง โดยมีเหตุผลหลัก ๆ ก็คือมันเป็นแพลตฟอร์มแรกที่เปิดให้เทรด Bitcoin Futures แบบ Physical แตกต่างจาก CBE และ CBOE ที่เป็นแค่การซื้อขายสัญญาเท่านั้น
การที่ Bakkt เปิดให้ซื้อขายสัญญา Bitcoin Futures แบบ Physical นั้นแปลว่า จะต้องมี Bitcoin จริง ๆ มาเกี่ยวข้องด้วย เช่นมีการซื้อ Bitcoin ในตลาดจริง ๆ ซึ่งจะส่งผลให้ Bitcoin เริ่มได้รับการยอมรับจากสถาบันการลงทุนต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ
นอกจากนี้ Bakkt เองก็เป็นแพลตฟอร์มที่มี Intercontinental Exchage หรือ ICE เป็นเจ้าของด้วย ซึ่งเป็นเจ้าใหญ่ในตลาดการลงทุนที่น่าเชื่อถือ และคงเรียก Volume เข้าตลาดคริปโตได้ไม่น้อยเลย
สถาบันการลงทุนเริ่มเข้ามาในตลาดคริปโตมากขึ้นเรื่อย ๆ
การที่ตลาดคริปโตยังไม่ได้เติบโตมากนักอาจจะมาจากการที่กฎหมายไม่ได้ดูแลครอบคลุมมันมากนัก ถึงแม้จากข้อมูลในอดีตจะมีการพิสูจน์แล้วก็ตามว่ามันให้ ROI หรือผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าสินทรัพย์อื่น ๆ นักลงทุนระดับสถาบันหลายคนอาจจะยังกังวลในการที่จะก้าวเข้ามายุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ยังไม่ได้รับการดูแลจากกฎหมายมากนักก็เป็นได้
แต่จากการเปิดตัวของ Bakkt ที่เป็นแพลตฟอร์มซึ่งได้รับการดูแลอย่างถูกกฎหมาย นักลงทุนเจ้าใหญ่ ๆ จึงเริ่มมองเห็นช่องทางในการลทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ Bitcoin ได้รับการยอมรับและมีกระแสที่ดีขึ้นตามมา
อย่างไรก็ตาม Bitcoin ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการที่จะถูกยอมรับโดยคนส่วนใหญ่เท่านั้น เพราะยังมีนักลงทุนจำนวนเพียงน้อยนิดที่เข้ามาเล่นในตลาดนี้ เป้าหมายหลัก ๆ ของมันก็คงหนีไม่พ้นการที่ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่รู้จักกับ Bitcoin ให้มากขึ้น และดึงดูดความสนใจให้ได้ ซึ่งการที่มีกฎหมายสำหรับคริปโตที่ป้องกันผู้ใช้งานและนักลงทุนเช่น Bitcoin ETF นั้นก็คงจะช่วยในเรื่องนี้ได้เยอะเลยทีเดียว
การออกกฎหมายในระดับที่พอดีจะช่วยลดความเสี่ยงในการที่ต้องเจอกับผู้ให้บริการที่ต้องการเอาเปรียบ และอุตสาหกรรมคริปโตเองก็อาจจะมีนักลงทุนระดับสถาบันเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดมากขึ้นได้
เทคโนโลยีของ Bitcoin พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ
อีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยให้ Bitcoin ประสบความสำเร็จได้นั่นก็คือ การพัฒนาทางเทคโนโลยี เพราะในตอนนี้เทียบกับการทำธุรกรรมที่ใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว มันก็ยังคือว่ามีค่าธรรมเนียมที่สูงและแพงกว่า ทำให้ผู้ใช้งานไม่สนใจมันเท่าไรนัก
แต่ในตอนนี้ นักพัฒนาในวงการกำลังพัฒนาสิ่งที่เรียกว่า Lightning Network อยู่ หากนำมันมาใช้งานจริงได้ จะช่วยลดค่าธรรมเนียม และเวลาในการทำธุรกรรมได้อย่างมหาศาลเลย
Lightning Network เคลมว่าสามารถทำการธุรกรรมได้ในไม่กี่วินาที จากเดิมที่ต้องใช้เวลา 10 นาทีอย่างต่ำ พร้อมกับค่าธรรมเนียมที่จะลดลงจนเหลือน้อยมาก ๆ ด้วย หากมันใช้งานได้ดีขึ้น มันจะดึงดูดทั้งผู้บริโภคและรายย่อยจำนวนมากให้เข้ามาใช้งานมันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในภาคส่วนของ E-commerce เพราะตอนนี้พวกเขาก็ใช้บริการอย่าง Paypal และ Visa กันอยู่แล้ว
ถ้า Bitcoin ได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับเจ้าใหญ่เช่น eBay หรือ Amazon มันจะผลักดันการใช้งานของมันได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
Bitcoin กำลังจะมีการ Halving
การ Halving ของ Bitcoin นั้นถูกคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2020 โดยเหตุการณ์นี้ถูกคาดว่าจะส่งผลมหาศาลต่อราคาของมันอย่างแน่นอน บางคนก็คาดว่ามันจะทำจุดสูงสุดใหม่ในปี 2020 เลยทีเดียว
อย่างที่ทราบกันดีว่า Bitcoin นั้นถูกออกแบบมาให้มีจำนวนจำกัด คือมีได้ทั้งหมด 21 ล้าน Bitcoin เท่านั้นไม่สามารถถูกขุดมากกว่านี้ได้ โดยระบบของ Bitcoin ถูกออกแบบมาให้มีการ Halving เกิดขึ้นในทุก ๆ 210,000 Block
ในช่วงเริ่มแรกเลย นักขุดจะได้รางวัล 50 BTC ต่อ 1 Block และ 4 ปีต่อมามันก็ลดลงเหลือ 25 BTC ต่อ 1 Block จนในปัจจุบันก็เหลือ 12.5 BTC ต่อ 1 Block แล้ว
ในเดือนพฤษภาคม 2020 การ Halving จะทำงานอีกครั้งทำให้รางวัลต่อ Block ลดลงไปอีกเหลือ 6.25 BTC ซึ่งแปลว่าจะมี Bitcoin ถูกปล่อยเข้ามาในตลาดน้อยลงไปอีก และถ้าความต้องการของ Bitcoin ยังเท่าเดิมหรือมากขึ้น ตามหลักเศรษฐศาตร์แล้วราคาของมันควรจะเพิ่มขึ้น
นักเทรดบางคนก็แชร์มุมมองให้เห็นว่า การ Halving นั้นส่งผลต่อราคาของ Bitcoin จริง ๆ ยกตัวอย่างเช่น ในการ Halving รอบแรกในปี 2012 นับจากนั้น 1 ปี ราคาของ Bitcoin ก็ขึ้นไปแตะจุดสูงสุด และในปี 2017 ราคาก็ไปแตะจุดสูงสุดอีกครั้ง เพราะเพิ่งมีการ Halving ไปในปี 2016
และในรอบนี้ ถ้า Bitcoin มีการ Halving ในปี 2020 มันก็ถูกคาดเช่นกันว่า ราคาจะไปแตะจุดสูงสุดอีกในปี 2021 นั่นก็คือ 1 ปีถัดไปหลังจาก Halving นั่นเอง
Bitcoin จะมีมูลค่าเท่าไรในปี 2020?
ในปี 2019 นับว่าเป็นปีแห่งการฟื้นตัวของ Bitcoin เลยก็ว่าได้ เพราะมูลค่าของมันทะยานขึ้นหลายเท่ามาก รวมทั้งเหรียญอื่น ๆ ในตลาดด้วย ถึงแม้ในช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ราคาของมันจะกลับตัวร่วงลงไปต่ำกว่าระดับ 9,000 ดอลลาร์ และมีมูลค่าลดลงกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ใน 1 ชั่วโมงก็ตาม
ราคาของ Bitcoin ในตอนนั้นร่วงลงอย่างหนัก แต่ก็ยังไม่เท่ากับ Altcoin อื่น ๆ ที่มีมูลค่าร่วงลงเช่นกัน แต่ลดลงมากกว่าเสียอีก ไม่ว่าจะเป็น Altcoins อันดับต้น ๆ อย่าง Ethereum (ETH), Ripple ( XRP), Litecoin (LTC), Bitcoin Cash (BCH) หรือ EOS ก็ตาม ต่างก็ลดลงหลายสิบเปอร์เซ็นต์ทั้งนั้น รวมทั้งมูลค่าตลาดคริปโตในภาพรวมยังลดลงกว่า 10 พันล้านดอลลาร์ เหลืออยู่ 250 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น
การร่วงลงของตลาดในรอบนั้นถูกคาดว่าเกิดจากปัจจัยด้านเทคนิคหลายอย่าง แต่นักวิเคราะห์มากมายหลายคนก็เชื่อว่า ราคาของ Bitcoin จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ดี ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีมูลค่า 8,000 – 9,000 ดอลลาร์ก็ตาม
นักวิเคราะห์มากมายหลายคนก็ยังเชื่ออีกด้วยว่าในปี 2020 หรือภายใน 5 ปีข้างหน้านั้น ราคาของ Bitcoin จะไปแตะจุดสูงสุดหรือ All-tome high ที่ 50,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.5 ล้านบาท)
ในตอนนี้ Bitcoin ก็ยังคงเป็นเหรียญที่มีมูลค่าโดยรวมมากที่สุดในตลาดอยู่ และไม่มีทีท่าว่าใครจะมาแย่งตำแหน่งอันดับ 1 มันไปได้ และไม่แน่ว่าในปลายปีนี้ หรือปลายปีหน้ามันอาจจะมีราคาที่ 23,500 ดอลลาร์เลยก็เป็นได้ เพราะในปัจจุบัน มันก็มีกระแสขาขึ้นเรื่อย ๆ ดึงดูดนักลงทุนและนักเทรดเข้ามาใหม่รายวัน และยิ่งมีนักเทรดเข้ามามากเท่าไร ราคาของมันก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นสูงเท่านั้น
มีการวิเคราะห์ออกมาว่า ราคาของ Bitcoin นั้นอาจจะอยู่ที่ 25,000 ดอลลาร์ในช่วงต้นปี 2020 และ 33,000 ดอลลาร์ในช่วงปลายปีนั้น และอาจกลายเป็นอีกปีที่จะส่งผลบวกต่อ Bitcoin และตลาดคริปโตในภาพรวม เพราะรัฐบาลหรือองค์กรต่าง ๆ ก็เริ่มยอมรับคริปโตมากขึ้นแล้ว ทำให้นักลงทุนระดับสถาบันเริ่มกล้าเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น
แต่ก็อย่าลืมว่านี่คือตลาดคริปโตที่ยังมีอายุเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ ไม่ควรวางใจแต่เตรียมแผนการรับมือทุก ๆ สถานการณ์แทน พร้อมทั้งบริการเงินให้เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงด้วยจะดีที่สุด
อ้างอิงจาก CoinMarketCap ในขณะที่รายงานอยู่นี้ Bitcoin มีมูลค่าอยู่ที่ 8,840 ดอลลาร์ ลดลง 4.32 เปอร์เซ็นต์ และมีปริมาณการเทรดโดยรวมอยู่ที่ 17,453 ล้านดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา Bitcoin มีมูลค่าโดยรวมที่ 159,463 ล้านดอลลาร์
ที่มา: Capital
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น