นาย Brad Garlinghouse CEO ของ Ripple ได้พูดคุยเกี่ยวกับอดีตและอนาคตของคริปโตเคอเรนซี่ ในขณะที่ปี 2019 กำลังใกล้ที่จะสิ้นสุดลง
ในคลิปวีดีโอตอนล่าสุด “Ripple Drop” ผู้บริหาร Ripple ได้แบ่งปันการคาดการณ์ของพวกเขาสำหรับปี 2020 และทศวรรษถัดไป ซึ่งคำพูดของพวกเขาได้ชี้ให้เห็นถึงอนาคตที่สดใสสำหรับคริปโต แต่หลายโปรเจคอาจจะต้องถูกยุบไป
In this episode of the #RippleDrop, members of our executive team, including CEO @bgarlinghouse, reflect on the impact of #blockchain technology and digital assets over the past decade and what’s ahead for 2020. https://t.co/CfWlahfYAp pic.twitter.com/jXJPS64vNO
— Ripple (@Ripple) December 26, 2019
กรณีการใช้งานจริง
นาย Brad Garlinghouse CEO ของ Ripple กล่าวย้ำถึงความเห็นของเขาว่าอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี่จะมีการควบรวมกิจการบางส่วน โดยเขายืนยันว่าพื้นที่แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องมีคริปโตเคอเรนซี่ถึงหลายพันรายการและในปี 2020 นี้มันจะเป็น “การเปลี่ยนผ่านไปสู่โปรเจ็คที่มีคุณภาพจริง ๆ”
“ผมคิดว่าในอนาคตข้างหน้าคุณจะได้เห็นโปรเจ็คคริปโตเหลืออยู่ไม่กี่อันแล้ว เพราะโลกเริ่มจะไม่ต้องการคริปโตเคอเรนซี่มากถึงขนาด 3,000 โปรเจ็คและผมมองว่าเรื่องยูทิลิตี้จะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”
นาย David Schwartz CTO ของ Ripple กล่าวว่าการจัดลำดับความสำคัญเกี่ยวกับกรณีการใช้งานที่มีคุณภาพของโปรเจค blockchain จะช่วยสร้างข้อได้เปรียบให้กับระบบบล็อกเชนเหล่านั้น ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาได้จริงและปรับปรุงชีวิตของผู้คน
“แต่ผมคิดว่าเรากำลังจะเพิ่มกรณีการใช้งานที่แตกต่างกันของ blockchain ให้มากขึ้น ผมคิดว่าการโฟกัสที่จุดนี้มันเป็นไปได้ที่คุณจะสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้จริง”
การเติบโตของคริปโตเคอเรนซี่
นาย Ethan Beard รองประธานอาวุโสฝ่ายการลงทุนของ Ripple Xpring เชื่อมั่นอย่างมากว่าเทคโนโลยี blockchain และคริปโตมีความสามารถที่จะเข้ามาแทนที่โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินทั่วโลก ในขณะที่นาย Marcus Treacher รองประธานอาวุโสฝ่ายความสำเร็จของลูกค้าคาดการณ์ว่า blockchain ที่จะถูกรวมเข้ากับเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น “core enabling technologies” ซึ่งปรากฏอยู่ในแถวหน้าของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่
นาง Monica Long ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดอ้างว่าเธอกำลังจะเห็นการเติบโตของอุตสาหกรรมที่คล้ายคลึงกันกับช่วงที่อินเทอร์เน็ตบูมในยุคแรก ๆ นอกจากนี้เธอยังได้เล็งเห็นถึงการมาของ ‘Internet of Value’ ซึ่งเป็นพื้นที่ดิจิทัลที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถแลกเปลี่ยนมูลค่าซึ่งกันและกันได้อย่างลงตัว
ที่มา : u.today
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น