ผู้ประกาศข่าวช่อง RT และนักวิเคราะห์ราคาเหรียญคริปโตเคอเรนซี่ชื่อดังนาย Max Keiser ได้ออกมาแสดงความเห็นโดยกล่าวว่าราคาของ bitcoin จะพุ่งไปแตะ 28,000 ดอลลาร์ในเร็วๆนี้โดยเขาเชื่อว่าแนวต้านที่จุดสูงสุดในประวัติศาสตร์เก่าที่ 20,000 ดอลลาร์นั้นจะไม่เป็นปัญหาเลยแม้แต่นิดเดียว
โดยเขาได้ออกมากล่าวผ่าน twitter ว่า
“ระดับแนวต้านที่ 20,000 ดอลลาร์สำหรับ Bitcoin นั้นจะไม่ถือเป็นปัญหาแต่อย่างใด เราจะไม่ได้เห็นแนวต้านที่สำคัญของราคาจนกระทั่งระดับ 28,000 ดอลลาร์ หลังจากราคานั้นก็จะเกิดการย่อตัวเล็กน้อยก่อนที่จะพุ่งไปถึง 100,000 ดอลลาร์”
ในช่วง 12 วันที่ผ่านมาราคาของ bitcoin นั้นได้เพิ่มจากระดับ 9,000 ดอลลาร์ไปที่ 12,000 ดอลลาร์ ส่งผลทำให้มันอยู่ที่จุดสูงสุดของปี 2020 นี้ นอกจากนี้ตลาดเหรียญอื่นๆก็ยังได้รับอานิสงส์จากการพุ่งขึ้นของราคาเหรียญ bitcoin และ ETH อีกด้วย
นาย Max ยังคงยืนยันว่าราคาจะพุ่งแตะ 1 แสนดอลลาร์
ในช่วงที่ราคาของ bitcoin นั้นไม่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมาทำให้นาย Max ได้ออกมาแสดงจุดยืนเกี่ยวกับราคา bitcoin ของเขาอีกครั้งหนึ่งโดยเขาได้คาดหวังว่ามันจะพุ่งทะลุ 28,000 ดอลลาร์ในท้ายสุด และทำจุดสูงสุดใหม่ในประวัติศาสตร์ที่ระดับ 6 หลักหรือ $100,000 นั่นเอง
ตอนช่วงที่ราคาของ bitcoin ได้พุ่งทะลุ 11,000 ดอลลาร์ขึ้นมาแล้วนาย Max กล่าวว่าโอกาสที่ราคาของ bitcoin จะพุ่งไปแตะ 1 แสนดอลลาร์นั้นเป็นไปได้สูงมาก และหลังจากนั้นราคาของมันก็พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 10,400 ดอลลาร์ ก่อนที่หลังจากนั้นเขาจะกล่าวว่า
“28,000 กำลังใกล้เข้ามาก่อนที่เราจะได้เห็นการปรับตัวลงของราคา และหลังจากนั้นเราก็จะได้เห็นราคาที่ระดับ 6 หลัก”
แต่อย่างไรก็ตามในวันนี้ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วว่าราคาของ bitcoin นั้นได้มีการปรับตัวลงไปที่ 10,500 ดอลลาร์หลังจากที่มันพุ่งขึ้นไปแตะ 12,000 ดอลลาร์ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นภายในระยะเวลาเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น ส่งผลทำให้มีนักลงทุนเป็นจำนวนมากที่ถูกล้างพอร์ตไปโดยรวมมูลค่าความเสียหายถึง 1 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
แต่กระนั้นนาย Max และนักลงทุนคนอื่นๆก็ไม่กลัวแต่อย่างใดและมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นถือเป็นเพียงแค่การขู่ให้เม่ากลัวเท่านั้น
นอกจากนี้นักเทรดมืออาชีพนาย Scott Melker ได้กล่าวว่าก่อนที่ราคาจะร่วงลงอย่างรุนแรงนั้นเขาได้เห็นแพทเทิร์น bearish divergence เกิดขึ้นบนกราฟเยอะมาก แต่หลังจากที่ตลาดนั้นได้มีการคลายตัวลง มันก็ดูนิ่งมากขึ้น