เป็นปีที่หนักหน่วงสำหรับแพลตฟอร์ม DeFi ซึ่งได้เกิดการต้มตุ๋นบนแพลตฟอร์มหลายครั้ง แม้ว่าบางครั้งจะมีหลักประกันอยู่บ้าง แต่แท้จริงแล้วหลักประกันเหล่านั้นก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่เตรียมไว้เพื่อทำการต้มตุ๋นก็เป็นได้ และเมื่อวานนี้ต้องสงสัยว่าเหรียญตัวหนึ่งในระบบ Defi ของ Ethereum ที่มีชื่อว่า DistX นั้นเป็นการต้มตุ๋นและหลังจากที่ประกาศจะยุติการใช้งานส่งผลให้ราคาร่วงลงอย่างรุนแรง ทำให้มูลค่าตลาดของเหรียญจาก 1.5 ล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 15,000 ดอลลาร์ หรือลดลงประมาณ 99%
โดยเดิมที DistX ได้ประกาศว่าจะทำเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายเหรียญของตนเอง และยังได้โฆษณาไว้อีกว่าคนที่เข้ามาทำการซื้อเหรียญถึงจำนวนหนึ่งจะได้รับการคืนเงินเป็น 2% จากเหรียญที่ขายได้อีกด้วย
หลังจากได้เปิดทำการขายในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ราคาเหรียญตัวนี้ได้ทำจุดสูงสุดไว้ที่ $0.25 และโดยเฉลี่ยในเดือนพฤศจิกายนจะมีราคาอยู่ที่ระดับประมาณ $0.20
แต่ในวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมาผู้ก่อตั้งเหรียญนาย Adrian Daluz ได้ออกมาแถลงว่า DistX ไม่สามารทำได้ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ และได้ประกาศว่าจะทำการปิดตัวเหรียญลง ซึ่งนาย Daluz ได้ปิดท้ายไว้ว่าเขาใช้เงินที่เหลือของบริษัททำการซื้อเหรียญ DistX คืนผ่าน Uniswap เพื่อที่จะให้นักลทุนยังคงได้เงินคืนกันบ้าง
โดยจากกลุ่มต่อต้านต้มตุ๋น WARONRUGS ได้กล่าวว่าหลักประกันของ DistX ที่เดิมมีมูลค่า $112,000 ได้สูญเสียมูลค่าจากการซื้อขายและการโอนหลายรอบจนเหลือเพียง $95,000
นอกจากนี้ CEO ของแพลตฟอร์ม Trustswap นาย Jeff Kerdeikis ได้กล่าวว่ากำลังหาทางช่วย DistX ในการรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่
แต่ต่อมานาย Daluz และ DistX ได้ทำการปิดตัว Social Media ของตัวเองลงและยังปิดคอมเมนต์ใน Telegram อีกด้วย ซึ่งตอนนี้ทาง Decrypt กำลังพยายามที่จะติดต่อกับนาย Kerdeikis ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทาง DistX กันแน่
ในปีที่ผ่านมาค่อนข้างเป็นปีที่หนักหน่วงของแพลตฟอร์ม DeFi ซึ่งเราได้เห็นทั้งโปรเจคที่ประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จ หรือบางส่วนที่กลายเป็นการต้มตุ๋นไป อีกทั้งในปีนี้ที่มีนักลงทุนหน้าใหม่กำลังเข้ามามากขึ้น นักลงทุนจึงควรระมัดระวังในการลงทุนอย่างยิ่ง
ที่มา: Decrypt