ในเวลนี้สมาชิกชุมชนคริปโตรายใหญ่หลายคนกำลังคุยกันถึงข่าวลือที่ว่า บริษัทโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook อาจถือ Bitcoin ไว้ในคลังของบริษัท
Facebook แอบถือ Bitcoin อย่างลับๆ?
ในบรรดาเหล่า influncer ได้แก่ Jason A. Williams หุ้นส่วนของบริษัท Morgan Creek Digital รวมถึง Alistair Milne ผู้ประกอบการและนักลงทุนชาวอังกฤษ และ Mira Christanto นักวิเคราะห์การวิจัยอาวุโสของ Messari พวกเขาสันนิษฐานว่า การเพิ่มขึ้นของราคา Bitcoin ในปัจจุบันที่สูงกว่าระดับ 53,000 ดอลลาร์ อาจเป็นเพราะ Facebook ซื้อ Bitcoin ในขณะที่ราคาลดลงต่ำกว่า 48,000 ดอลลาร์เมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัท Tesla ขาย 10 เปอร์เซ็นต์ของการถือครอง BTC ออกไป
Alistair Milne กล่าวบน Twitter ว่า จากข่าวลือที่แพร่กระจายไปทั่ว Twitter ว่าบริษัท Facebook ว่า ถือครอง Bitcoin ไว้ในงบดุล บริษัทจะเปิดเผยข้อเท็จจริงนี้ หลังจากเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสเมื่อตลาดปิดทำการซื้อขายในวันพรุ่งนี้ที่ 28 เมษายน
หากสิ่งนี้เกิดขึ้นจริง ๆ จะถือว่าเป็นสัญญาณขาขึ้นที่สำคัญและมีแนวโน้มที่จะกระตุ้นราคา Bitcoin ให้เพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยอาจมีผลกระทบเช่นเดียวกันกับตลาดเมื่อ Elon Musk ประกาศว่าบริษัท Tesla ได้ซื้อ Bitcoin มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ไปเมื่อต้นปีนี้
อย่างไรก็ตามในวันนี้มีการเปิดเผยว่า บริษัทผู้ผลิต e-car ได้ขาย BTC เป็นจำนวนก 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อพิสูจน์สภาพคล่องของ Bitcoin อย่างไรก็ตาม Musk ยืนยันว่า เขาไม่ได้ขาย Bitcoin ของเขา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ เพราะเขาไม่เคยประกาศว่าเขาถือครองใด ๆ ยกเว้นของขวัญที่เคยได้ในอดีตเป็นจำนวน 0.25 BTC
Facebook กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมเปิดตัว Diem stablecoin
การถือครอง Bitcoin ของบริษัท Facebook จะฟังดูสมเหตุสมผล เนื่องจากบริษัท กำลังพยายามเป็นครั้งที่สองในการเข้าสู่พื้นที่คริปโตเคอร์เรนซี่ โดยความพยายามครั้งแรกคือเมื่อบริษัทพยายามสร้าง stablecoin อย่าง Libra เพื่อเชื่อมโยงกับตะกร้าสกุลเงินชั้นนำ และตอนนี้เป็น Diem ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ผูกกับค่าเงิน USD
รายงานจาก U.Today ก่อนหน้านี้เผยว่า Diem Association อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตการชำระเงินจากหน่วยงานกำกับดูแลในสวิตเซอร์แลนด์และมีแผนจะเปิดตัวการทดลอง Diem ในปลายปีนี้
ก่อนหน้านี้ Libra ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากต้องเผชิญกับการต่อต้านอย่างรุนแรงจากฝ่ายนิติบัญญัติ และธนาคารกลางทั่วโลก ซึ่งกลัวว่า stablecoin ของ Facebook จะมา disrupt ระบบการเงินและการชำระเงินทั่วโลก
ประเทศจีนก็เริ่มกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเพิ่มความพยายามเป็นสามเท่าในการทดสอบเงินหยวนดิจิทัล DCEP