มีรายงานว่าธนาคารแห่งอิสราเอลกำลังใช้เทคโนโลยีของ Ethereum เพื่อทดลองใช้สกุลเงิน Fiat แบบดิจิทัลที่เรียกว่า Shekel โดยพวกเขาเลือกใช้ Ethereum แทนเทคโนโลยี XRP แบบส่วนตัวตัวของ Ripple
จากข้อมูลของ Bloomberg ในเดือนพฤษภาคมเผยว่าทาง ธนาคารกลางได้ออกรายงานที่สรุปว่าระบบการชำระเงินแบบ Shekel ดิจิทัลที่อาจส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ โดยทำให้ขั้นตอนการชำระเงินง่ายขึ้น ในขณะที่ให้ความปลอดภัยแก่ทั้งสองฝ่ายในการทำธุรกรรม
ธนาคารกลางยังเรียกร้องให้มีแนวคิดแอปพลิเคชันสัญญาอัจฉริยะที่สามารถทำงานบนเครือข่าย Ethereum ของตนได้ โดยทางธนาคารกลางทั่วโลกกำลังทำงานเกี่ยวกับสกุลเงิน fiat เวอร์ชันดิจิทัล เนื่องจากการใช้เหรียญและธนบัตรที่ลดน้อยลง ควบคู่ไปกับการเกิดของ cryptocurrency ที่กำลังมีแนวโน้มเป็นคุกคามระบบการเงินของประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Ripple เริ่มต้นทดลองใช้ XRP Ledger แบบโอเพ่นซอร์สสาธารณะในเวอร์ชันส่วนตัวเมื่อต้นปีนี้ โดยพวกเขามีเป้าหมายเพื่อให้ธนาคารกลางได้มี “โซลูชันที่ปลอดภัย ควบคุมได้ และยืดหยุ่นสำหรับการออกและจัดการสกุลเงินดิจิทัล”
โซลูชันสกุลเงินดิจิทัลของ Ripple สำหรับธนาคารกลางนั้นถูกเรียกว่า CBDC Private Ledger ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนแบบเดียวกันกับที่อยู่เบื้องหลัง XRP Ledger ซึ่ง “หมายความว่าบัญชีแยกประเภทส่วนตัวของ CBDC ถูกสร้างขึ้นเพื่อการชำระเงินโดยเฉพาะ” บริษัทเสริมว่า:
“นี่ก็หมายความว่าบัญชีแยกประเภทส่วนตัวของ CBDC ได้รับการออกแบบมาเพื่อการออกสกุลเงินด้วยมากกว่า 5,400 สกุลเงินที่ออกบน XRPL ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา รวมถึง XRP ที่เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลดั้งเดิม ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นสินทรัพย์สะพานเชื่อมระหว่างกลางสำหรับการเคลื่อนย้ายมูลค่าที่ราบรื่นระหว่าง CBDC และสกุลเงินอื่นๆ”
Ripple อ้างว่า CBDC Private Ledger สามารถจัดการ “ธุรกรรมนับหมื่นต่อวินาที” และ “มีประสิทธิภาพมากกว่าบล็อคเชนสาธารณะ 61,000 เท่าที่ใช้ proof of work” แต่สาเหตุที่ธนาคารแห่งอิสราเอลเลือกที่จะใช้เทคโนโลยี Ethereum นั้นยังไม่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าฟีเจอร์ smart contract นั้นน่าจะเป็นปัจจัยหนึ่ง