หนูน้อย Erik Finman หรือเศรษฐีเงินล้านผู้ที่ลงทุนใน Bitcoin ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2011 ตั้งแต่ตอนอายุเพียงแค่ 12 ปีได้ให้สัมภาษณ์กับ Mic ถึงเหตุผลที่เขาไม่อยากจะลงทุนใน Ethereum
เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ผู้ปกครองของ Erik ที่เรียนจบดอกเตอร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้ตกลงที่จะอนุญาตให้ Erik ไม่ต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแลกกับการที่ถ้าหากเขาสามารถเปลี่ยนเงินลงทุนจาก 1,000 ดอลลาร์ที่ได้รับจากแม่ของเขาให้กลายเป็น 1 ล้านดอลลาร์ได้
โดยหลังจากนั้นเจ้าหนู Erik ก็ได้ไปซื้อ Bitcoin ด้วยเงินทั้งหมดที่ได้ในราคาเพียงแค่ 12 ดอลลาร์ต่อ 1 BTC ณ ขณะนั้น และยังได้ซื้อเหรียญอื่นๆมาด้วยอย่างเช่นเหรียญ Ether โดย Erik ได้กล่าวกับ Mic ว่าตอนนี้เขามี Bitcoin อยู่มากกว่า 600 BTC ซึ่งมีมูลค่าราวๆ 1 ล้านดอลลาร์
โดยแทนที่จะไปเข้ามหาวิทยาลัยแบบคนอื่นๆเขา Erik ตัดสินใจที่จะเดินทางสายนี้ และเขายังเผยว่าเขาอยากจะเปิดบริษัทสตาร์ทอัพเกี่ยวกับเหรียญคริปโตและ Bitcoin และช่วยเหลือองค์การ NASA ในการพัฒนาโครงการ ElaNa
Lorna Finman หรือแม่ของ Erik ให้สัมภาษณ์กับ Mic ว่า
“Erik ได้เดินทางทุกสายที่เขาคิดว่ามันเหมาะสมกับเขา และทำให้มันดีกว่า มันเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่ทุกคนสามารถที่จะค้นพบระบบการศึกษาที่เหมาะสมกับสไตล์การเรียนรู้ของเขา สำหรับบางคนอาจจะเป็นโรงเรียน สำหรับบางคนอาจจะไม่ใช่”
Erik ไม่สนใจ Ethereum
Erik นั้นได้กระจายการลงทุนของเขาออกไปซื้อเหรียญคริปโตหลายๆเหรียญ รวมทั้ง Ether หรือเหรียญที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจาก Bitcoin โดยมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 18.7 พันล้านดอลลาร์ โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมานั้น มูลค่าตลาดรวมของ Ether ได้เพิ่มขึ้นมาจาก 980 ล้านดอลลาร์มาเป็น 18 พันล้าน โดยคิดเป็นมากกว่า 18 เท่า
แม้ว่า Erik นั้นจะถือ Ethereum ไว้อยู่บ้าง แต่เขาก็อธิบายให้ฟังว่าเขาจะสนับสุนให้นักเทรดทุกคน short sell หรือเปิดขายเหรียญ ETH ซะ ในตอนนี้ช่วงระยะสั้นนี้มันสามารถลงทุน short sell แล้วได้เงินเยอะ แต่สำหรับมูลค่าตลาดรวมของ Ethereum นั้นมันเป็นอะไรที่ตัดสินยากมากในตอนนี้ โดยพิจารณาจากผลิตภัณฑ์ที่ของโครงการของหลายๆบริษัทที่ยังไม่เสร็จสักตัว รวมถึงกระแส ICO ที่กลายเป็นอะไรที่เกร่อไปแล้ว
ในส่วนของ ICO นั้น หนูน้อย Erik ยังบอกว่าเหรียญคริปโตใหม่ๆที่เพิ่งเกิดมาในปัจจุบันนั้นถูกปั่นราคากันซะเป็นส่วนใหญ่
“ผมเปิด short sell เหรียญ Ethereum แล้ว ผมคิดว่าในระยะสั้นนี้สามารถทำเงินได้อีกเยอะ และผมก็รู้ด้วยว่าผู้ใช้ Bitcoin รุ่นเก๋าส่วนใหญ่เรียกเหรียญนี้ว่าเหรียญแชร์ลูกโซ่”
เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้ นาย Pieter Levels หรือผู้ก่อตั้งบริษัท Nomad List ได้กล่าวถึงความกังวลของเขาเกี่ยวกับตลาด ICO และรวมถึงจำนวนเงินอีกเป็นจำนวนมากที่ถูกโยนลงมาในตลาดดังกล่าวนี้ เนื่องจากโปรเจคของบริษัทเหล่านั้นยังไม่เสร็จเป็นชิ้นเป็นอัน แถมยังไม่มีผู้ใช้งานแบบจริงจังอีก
“แผนธุรกิจ pump and dump ของพวกเขาคือการเปิดตัวเหรียญใหม่ๆที่ยังไม่ได้ออกมาช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย แต่ก็เรียกให้คนแห่กันมาซื้อแล้ว นี่ก็มีรายที่ 5 แล้วที่พยายามมาขายให้ผม รวมถึงอดีตผู้ก่อตั้งร่วมของ Ethereum เช่นกัน อยากบอกเลยว่ามันเหมือนกับตลาดมืดบนอินเทอร์เนตที่ขโมยเงินของคนมา” กล่าวโดย Levels
ในบล็อกของนาย Fred Ehrsam หรือผู้ก่อตั้งร่วมของ Coinbase นั้นได้อธิบายว่าเครือข่ายของ Ethereum นั้นจะต้องถูก scale หรือปรับปรุงอีก 100 เท่า ถึงจะสามารถรองรับผู้ใช้งานได้ตั้งแต่ 1-10 ล้านคน ณ ตอนนี้นาย Vitalk Buterin หรือผู้ก่อตั้งร่วมของ Ethereum เชื่อว่าการ scaling ของ Ethereum “กาก” ตามที่สยามบล็อกเชนเคยรายงานไปก่อนหน้านี้
ทาง Ethereum Foundation นั้นยังมีแผนการที่จะเปลี่ยนจาก proof of work (PoW) เป็น proof of stake (PoS) เพื่อช่วยให้การ scaling ของ Ehtereum นั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น