<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

บริษิทสตาร์ทอัพสิงคโปร์จับมือร่วมกับ Visa ทำบัตรเดบิต Bitcoin

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

สิ่งหนึ่งที่ยังเป็นเรื่องท้าทายสำหรับ Bitcoin และเหรียญ cryptocurreny อื่นๆในปัจจุบันคือการที่จะสามารถทำให้มันใช้งานได้ในชีวิตจริง และหนึ่งในไอเดียนั้นก็คือการนำมันมาใช้งานร่วมกับบัตรเดบิตอย่าง Visa

ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีหลายๆบริษัทกระโดดเข้ามาจับจองตลาดนี้ไม่ว่าจะเป็น Xapo หรือ BitPay ทว่ายังมีบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศเพื่อนบ้านเรานามว่า TenX ที่ดูเหมือนว่าจะไม่อยากพลาดตลาดนี้ไปเช่นกัน

ความพิเศษอย่างหนึ่งของ TenX คือผู้ใช้งานสามารถแปลงเหรียญ Bitcoin และ altcoin อื่นๆให้กลายเป็นสกุลเงินหลักยอดนิยมอย่างดอลลาร์, เยน และยูโร โดยทางบริษัทกล่าวว่าจะคิดค่าธรรมเนียมผู้ใช้เพียงแค่ 2% ต่อธุรกรรมเท่านั้น และจะมีลิมิตอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์ต่อปี โดยในปัจจุบันได้มีผู้ใช้งานออเดอร์บัตรดังกล่าวมากกว่า 10,000 ใบแล้ว

เป้าหมายหลักของ TenX คือพวกเขาต้องการให้เงินดิจิตอลนั้นเป็นที่นิยมและใช้งานง่ายท่ามกลางความผันผวนที่สูงของตลาดในปัจจุบันนี้รวมถึงปัญหาในวงในของกลุ่มนักพัฒนา โดยเฉพาะ Bitcoin ที่กำลังเกิดปัญหาความแตกแยกของกลุ่มนักพัฒนาหลักและทางกลุ่มนักขุดเกี่ยวกับปํญหาการดีเบตเรื่องโซลูชันในการแก้ปัญหาการ scaling จนส่งผลให้ราคาตกลงมาอย่างรุนแรงเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับมาเมื่อ BIP 91 (การเปิดสัญญาณสนับสนุน SegWit2x) ถูก lock in แล้ว

โดย TenX นั้นได้สร้างแอพมือถือที่มีการทำงานเหมือนกับกระเป๋าเหรียญคริปโตที่เชื่อมต่อกับบัตรของ Visa ซึ่งผู้ใช้งานสามารถที่จะนำไปรูดซื้อสินค้าที่ไหนก็ได้ที่มีตราสัญลักษณ์ Visa พร้อมกับจ่ายออกเป็นเหรียญคริปโต

นาย Julian Hosp ผู้ก่อตั้งร่วม TenX

“คุณกำลังนำเอาโลกสองโลกมารวมกัน คือโลกแห่งกลางวันและโลกแห่งกลางคืน” กล่าวโดยนาย Julian Hosp หรือผู้ก่อตั้งร่วมของ TenX “เมื่อผู้ใช้งานจ่ายออกมาเป็น cryptocurrency เราจะต้องทำการแลกมันให้กลายเป็นค่าเงินหลักและจ่ายให้กับ Visa ทันที”

นาย Julian กล่าวว่าธุรกรรมนั้นจะถูกจัดการด้วยความเร็วสูงมาก และมันไม่มีการชาร์จอะไรเพิ่มเติมนอกเหนือจากอัตราแลกเปลี่ยนแค่ราวๆ 0.15-0.2 เปอร์เซ็นต์ โดยการ์ดของ TenX นั้นยังรองรับเหรียญ altcoin อื่นๆอย่าง Erhereum, Dash และ Augur อีกด้วย ซึ่งเขามีแผนการที่จะเพิ่มอีกราวๆ 11 เหรียญภายในสิ้นปีนี้

ในปัจจุบัน TenX ช่วยผู้ใช้งานทำธุรกรรมผ่านบัตรราวๆ 100,000 ดอลลาร์ต่อเดือน โดยภายในสิ้นปี 2018 พวกเขาตั้งเป้าหมายไว้ที่ 100 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน

TenX นั้นมีข้อได้เปรียบตรงที่เริ่มทำก่อนเป็นรายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่อีกไม่นานพวกเขาอาจจะต้องเจอคู่แข่งกระเป๋าหนาอย่างพวกกลุ่มนักลงทุนอิสระ หรือบริษัทสถาบันด้านการเงินที่อาจจะเข้ามาร่วมลงแข่งขันในตลาดนี้ก้วย กล่าวโดยนาย Mati Greenspan หรือนักวิเคราะห์ของแพลทฟอร์มสำหรับเทรดชื่อดังนามว่า eToro

“มันเป็นคอนเซปที่สุดยอดมาก” กล่าวโดยนาย Greenspan “แต่ท้ายสุดแล้วถ้าจะแข่งกันจริงๆมันก็ขึ้นอยู่กับลูกค้าสัมพันธ์แล้วแหละ ว่าใครจะเติมเต็มความต้องการของลูกค้าได้มากกว่ากัน? ใครจะทำได้ดีกว่ากัน?”

ก่อนหน้านี้ TenX ได้ทำการเปิดระดมทุนผ่าน ICO เมื่อเดือนที่แล้ว โดยการเปิดขายเหรียญเมื่อเดือนที่แล้วทำให้พวกเขาระดมทุนไปได้ถึง 80 ล้านดอลลาร์ ซึ่งครึ่งหนึ่งของมันจะถูกใช้เพื่อขยายธุรกิจ ในขณะที่ส่วนที่เหลือนั้นจะถูกใช้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ

ก่อนหน้านี้ทาง TenX ยังได้เงินลงทุนจาก “นักลงทุนเทวดา” หรือ Angel Investor (นักลงทุนใจดีที่มองเห็นอนาคตของสตาร์ทอัพ และช่วยออกเงินให้ในขั้นแรกของการตั้งบริษัท) ราวๆ 120,000 ดอลลาร์ และอีก 1 ล้านดอลลาร์จาก venture capital นามว่า Fenbushi Captital ที่มีผู้ก่อตั้งร่วม Ethereum อย่าง Vitalik Buterun มาเป็นหุ้นส่วนอีกด้วย โดย TenX นั้นหวังที่จะคืนทุนและทำกำไรด้ในอีกสองปีข้างหน้า ในการขยายธุรกิจ

“สิ่งหนึ่งที่เราช่วยให้บริการก็คือ คุณสามารถใช้บริการแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตในแอปเรา” กล่าวโดยนาย Julian “ถ้าหากว่าเราทำแบบนี้ เราจะกลายเป็นผู้นำตลาดและสร้างกำไรได้มหาศาล”

ภาพจาก TenX

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น