<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

(Y) Bitcoin Cash (BCC) การ Hardfork ที่ไร้สาระ และผลกระทบต่อ BTC

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เดือนกรกฎาคมนี้ ถือได้ว่าเป็นเดือนแห่งความอลหม่าน สับสน วุ่นวายที่สุด เท่าที่ Bitcoin ได้ประสบมา ราคา BTC พุ่งทะยานแตะ 3,000 USD ก่อนร่วงลงเหลือเพียง 1,800 USD ด้วยความไม่ชัดเจนของการปรับปรุงแก้ไขระบบ Bitcoin ตามที่แต่ละค่ายเสนอออกมา มูลค่าตลาดหายไปทันที 35% ลอยไปกับสายลม

แต่เมื่อสถานการณ์ชัดเจนขึ้น Miner ส่งสัญญาณสนับสนุน Segwit2X แบบชัดเจน ความเชื่อมันก็กลับมา ราคาดีดกลับรุนแรง กลับไป 2,900 USD เกือบทำ New High

ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก อยู่ดีๆ ก็มีกลุ่มคนอีกกลุ่ม ประกาศขอทำการ Hard fork BTC ไม่เอา Segwit2X ขอแยกตัวเป็นอิสระ เป็น BCC

เมื่อวานตลาดก็สั่นสะเทือนอีกครั้ง ราคาร่วงทันที 15% เหลือ 2,400 USD ก่อนจะฟื้นขึ้นมาหน่อยมาที่ 2,500 USD ณ เวลาปัจจุบัน

แม้ว่าอายุของ BTC ย่างเข้าปีที่ 9 แต่การเคลื่อนไหวของราคา BTC นั้น ยังคงเป็นแบบเด็กอนุบาล ไม่รู้จักโตเสียที การสร้างข่าวขับเคลื่อนตลาด ยังคงได้ผล Trader ส่วนใหญ่ก็จ้องแต่ราคาตลาด เก็งกำไรเป็นวันๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่เข้ามามุ่งเก็งกำไร และไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า BTC มูลค่าที่แท้จริงอยู่ตรงไหน

จากการที่อยู่ในวงการ Crypto Currency มานานกว่า 3 ปี ผมพอมีประสบการณ์บางอย่างอยากแบ่งปันให้ทุกคนได้รับรู้

หากท่านสามารถมีหลักยึดถือและปฎิบัติตามกฎนั้น ท่านจะสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาสารพัดที่หลายคนต้องประสบ

เช่น

ถ้าคุณได้คู่ครองที่สามารถพูดคุยด้วยเหตุผล ชีวิตคู่ย่อมมีปัญหาน้อยกว่าอีกหลายๆคนที่เลือกคู่ชีวิตด้วยหน้าตามาก่อนตัวแปรอื่นๆ และจะสามารถอยู่กันได้ยืดยาวนานหลายปี

ในโลกของการลงทุนก็เช่นกัน

หากสามารถพิจารณาถือครองหลักทรัพย์ที่ตัวแปรด้านพื้นฐานของมัน มากกว่าเปลือกนอกที่ความนิยมและการพุ่งของราคา ก็จะสามารถถือยาวไปได้ด้วยความมั่นใจ ไม่มีปัญหาและอุปสรรค

ย้อนไปดูราคา BTC ตลอดระยะเวลาที่มันเติบโตขึ้นมา 9 ปี การเคลื่อนไหวของราคาแต่ละวันล้วนรุนแรง การขึ้นลง 30% 50% เป็นเรื่องธรรมดาเสียด้วยซ้ำ แต่การเคลื่อนไหวเหล่านี้ จะกลายเป็นเรื่องเล็กๆ ที่แทบมองไม่เห็น หากคุณดูกราฟในระยะยาว ระดับ 1W สิ่งที่คุณจะเห็นมีแต่การเพิ่มขึ้นของมูลค่าเท่านั้น

การ Hardfork ครั้งนี้ สำหรับความเห็นส่วนตัว ผมถือว่าเป็นเรื่องไร้สาระ อยากทำอะไรก็เชิญตามสบาย ซึ่งไม่นานมานี้ก็เคยเกิดเรื่องทำนองนี้มาแล้ว Bitcoin ได้แตก Bitcoin Unilimited แล้วก็ Bitcoin XT ออกมา เสร็จแล้วเป็นไง หายเงียบไปเลย ตัวดั้งเดิมก็ยังอยู่ดี แถมราคาขึ้นมาแบบที่เห็นกันอยู่ แล้วราคา BTU กับ BXT ละ เป็นไง ไปดูกันเอาเอง

ผมยังคงถือครอง BTC และทำการ Trade Altcoin เพื่อเพิ่มจำนวน BTC ตามความถนัดของผม

แต่ถ้ามองปัญหานี้ในมุมมองของระบบนิเวศน์ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าห่วงไม่ใช่น้อย คนพวกนี้พอไม่พอใจก็ Hard fork อาศัยจำนวนเครื่องขุดที่ตนมีมากเพียงพอ รวมทั้งใช้ Exchange ที่ตัวเองลงทุนอยู่มาสร้างปัญหาให้วงการ ถือว่าเป็นพฤติกรรมของพวกอันธพาล

จริงอยู่ ผู้ถือครอง BTC เหมือนได้ BCC มาเป็นของแถม เหมือนอยู่ดีๆ ได้มา 400 USD แต่ตลาดก็ตอบสนองด้วยการลง 400 USD ในวันเดียวให้เห็น และยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดด้วยซ้ำ สุดท้ายก็คือได้ไม่คุ้มเสีย

ตอนนี้ก็กลายเป็นสร้างปัญหาให้ Exchange ทั่วโลก เพราะทุกคนเรียกร้องต้องการ BCC เท่าจำนวน BTC ที่ตนถือครอง ซึ่งบาง Exchange ก็ยอม บาง Exchange ไม่ยอม

ปัญหานี้จะสร้างปัญหาใหญ่หลวงให้ BTC ในอนาคต โดยเฉพาะธุรกรรมที่ใช้ BTC เป็นสื่อกลางในการชำระเงิน

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเป็นผู้ขายสินค้าที่รับชำระเป็น BTC และมีคนซื้อสินค้าโอน BTC ให้คุณ ระหว่างนั้น BTC เกิดมีการ Hard fork แล้วเกิด BCC ขึ้นมา ถามว่าผู้ซื้อจะทวงคืน BCC จากคุณได้หรือไม่ เพราะได้โอน BTC ให้คุณไปแล้ว

เป็นคุณ คุณจะคืน BCC ให้มั้ย คงงงเป็นไก่ตาแตกว่าจะต้องทำอย่างไร จริงหรือไม่

เรื่องนี้จะสร้างปัญหาให้กับบรรดา Start Up ที่ต้องการเริ่มธุรกิจเกี่ยวกับ BTC พอสมควร หากไม่อยากกลายเป็นบรรทัดฐาน ก็คงต้องสร้างบรรทัดฐานตั้งแต่ตอนนี้ จำเป็นต้องปฎิเสธ Hard fork coin ที่ไร้การยอมรับตั้งแต่แรก เพื่อไม่ให้เป็นมะเร็งทำลายระบบเดิมอีกต่อไป

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น