<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

จะซื้อ Bitcoin หรือ Ethereum ตัวแรกของคุณดี? ลองดูค่าธรรมเนียมกัน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ผมส่ง Bitcoin จำนวน 25 ดอลลาร์ จาก Address Coinbase ไปยัง Kraken

ส่ง 25 ดอลลาร์
ค่าธรรมเนียม 16 ดอลลาร์
รวมทั้งหมด 41 ดอลลาร์

40% ของมูลค่ารวม ของค่าธรรมเนียม

มันช่างเหลือเชื่อ
นาย Kristian Freeman (@imkmf) วันที่ 8 ธันวาคม 2017

คุณพร้อมที่จะส่ง Bitcoin ครั้งแรกของคุณหรือไม่? นั่นจะเป็นเงินจำนวน 26 ดอลลาร์เลยทีเดียว

แน่นอนว่าในตอนท้ายนั่นคือสิ่งที่คุณอาจต้องจ่ายเพื่อใช้เป็นค่าทำธุรกรรมทางด้าน Blockchain แต่ถ้าคุณยังใหม่กับโลกของ Cryptocurrency (และยังไม่ได้ลงทุนมากนัก) เราอยากจะบอกว่าโปรดอย่าตกใจกับค่าธรรมเนียมที่สูงลิบ แม้จะมีคนเคยบอกคุณว่าค่าธรรมเนียมของ Bitcoin นั้นมีราคาถูกก็ตาม

แม้คุณอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับ “เงินของอนาคต” ความจริงก็คือตัว Bitcoin (และ Cryptocurrency อื่นๆ) นั้นมีราคาแพง

ตกลงแล้วอะไรคือค่าธรรมเนียมที่เราต้องจ่ายในขั้นตอนแรกล่ะ?

ในการเริ่มต้น คุณอาจคิดว่าเงินทั้งหมดนี้ไปที่ไหนซักแห่ง และก็ไม่ใช่แค่ที่เดียว

เมื่อคุณได้ทำธุรกรรม Cryptocurrency ของคุณ การชำระเงินของคุณจะไปรวมอยู่ใน Protocol ของ Blockchain ซึ่งคุณสามารถคิดได้ว่ามันคือการบันทึกธุรกรรมอย่างเป็นทางการโดยทุกๆ Token ในเครือข่ายที่คุณเคยส่ง (ไม่ว่าจะเป็น Bitcoin, Ethereum หรืออย่างอื่น) แทนที่จะเก็บไว้ที่ธนาคารหรือพวกบริษัทบัตรเครดิต โดยบัญชีแยกประเภทนี้จะถูกแจกจ่ายไปโดยทั่วกัน

ซึ่งหมายความว่า ถึงแม้ว่าจะมีคอมพิวเตอร์ตัวใดตัวนึงล่มไป (หรือกลุ่มคอมพิวเตอร์หลายๆ ตัว) ก็ยังมีเครือข่ายที่ยังมีสำเนาที่แสดงว่าคุณได้เป็นเจ้าของการทำธุรกรรมของคุณ แต่ข่าวร้ายก็คือคุณก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับคอมพิวเตอร์เหล่านั้นทั้งหมด เพื่อให้มันดำเนินการประมวลผลธุรกรรมให้กับคุณ

ทีนี้่เราจะแนะนำตัวละครตัวใหม่ในการเดินทางของคุณ ซึ่งเขาก็คือ “คนขุดเหมือง” (หรือผู้ตรวจสอบ, ขึ้นอยู่กับเครือข่ายของคุณ)

สำหรับการเป็นคนขุดเหมือง รางวัลที่พวกเขาจะได้ก็คือ Cryptocurrency ที่ขุดได้ขึ้นมาใหม่นั่นเอง

ตกลง…แต่ทำไมมันมีราคามากขนาดนั้น?

ถ้าเกิดความสับสนคุณสามารถคิดตามนี้ได้เลย

ทุกธุรกรรมของ Cryptocurrency จะถูกสร้างด้วยข้อมูลจำนวนเล็กๆ และ Blockchain ส่วนใหญ่จะมีการจำกัดพื้นที่สำหรับข้อมูลเพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับการทำธุรกรรมทั้งหมด

ค่าธรรมเนียมที่เสียไปจะสะท้อนว่าคุณให้ความสนใจในธุรกรรมตัวนั้นมากแค่ไหน และธุรกรรมนั้นๆ จะถูกเก็บอยู่บนเครือข่ายอย่างถาวร ยิ่งค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่คุณยอมจ่ายมีมากแค่ไหนนักขุดก็จะอยากเข้ามาช่วย Confirm ธุรกรรมของคุณ

ถึงแม้ว่าขีดจำกัดของข้อมูลและขนาดที่จำกัดของ Blockchain (Bitcoin มีขนาด Block ที่จำกัดแค่ 1 MB ต่อ Block) ในส่วนของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ทั่วไปและวิศวกรจะระวังในเรื่องของการขยายขีดจำกัดของขนาด Block ที่มากเกินไปเพราะจะนำไปสู่ปัญหาทางเทคนิคต่างๆ

จนเมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้ crypto ส่วนใหญ่ไม่ได้สังเกตเห็นขีดจำกัดในข้อมูลเหล่านี้จริงๆ เพราะมันไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรพวกเขา แต่ในฐานะนักลงทุนและผู้ลงทุนหน้าใหม่ ที่กำลังเข้าสู่ตลาดมีสูงขึ้นมาก ข้อมูลของขีดจำกัดเหล่านี้ได้รับการทดสอบแล้วและค่าธรรมเนียมมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น (ดูแผนภูมิด้านล่าง)

แล้วฉันควรเพิ่มค่าธรรมเนียมตัวไหน?

การเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมเป็นสัญญาณว่า Bitcoin, Ethereum และ Cryptocurrency ตัวอื่นๆ ได้รับความนิยมและใช้กันอย่างแพร่หลาย

สุดท้ายแอพลิเคชั่น Wallet ในการเก็บ Cryptocurrency จะมีอัลกอริทึ่มที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจ และให้คุณสามารถกำหนดจำนวนเงินที่จะจ่ายได้โดยไม่ต้องกังวลว่าธุรกรรมของคุณจะถูกค้างอยู่ในระบบนานอีกต่อไป

แต่ถ้าอยากทำธุรกรรมแบบไม่เสียค่าธรรมเนียมเลยหรือจ่ายเพียงเล็กน้อยมาก คุณก็นั่งรอไปเถอะ

ธุรกรรมของคุณจะไม่ถูกปฏิเสธแต่อาจใช้เวลานานหลายชั่วโมงแม้กระทั้งหลายวัน หรือหลายเดือน แต่อย่างที่กล่าวในข้างต้น ถ้าคุณจ่ายค่าธรรมเนียมที่สูง โอกาสที่ธุรกรรมของคุณจะไปถึงที่หมายก็จะเร็วขึ้นเพราะคนขุดเหมืองก็อยากที่จะเข้ามาทำการตรวจสอบการทำธุรกรรมของคุณเช่นเดียวกัน

เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถคำนวนค่าธรรมเนียมได้อย่างถูกต้อง เว็บไซต์ต่างๆ ได้มีบริการเครื่องคิดเลขคำนวณค่าธรรมเนียมให้ แม้แต่นักพัฒนาซอฟต์แวร์บางรายก็พยายามสร้างเครื่องคิดเลขเพื่อลดการปวดหัวในการคิดค่าธรรมเนียมอีกด้วย

แล้วขั้นตอนต่อไปล่ะ?

อย่างไรก็ตามโครงสร้างพื้นฐานในตัวเลือกของการจ่ายค่าธรรมเนียมนี้ยังมีข้อจำกัด (เช่น Bitcoin Cash ยังมีผู้ขายและผู้ใช้งานที่น้อยกว่า Bitcoin) ดังนั้นคุณควรตระหนักไว้ว่า ไม่ได้มีเพียงแค่คุณเท่านั้นที่มีปัญหาในการทำธุรกรรม แต่การแก้ไขช่องโหว่เหล่านี้ก็จะถูกแก้ไขและพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง

และในระยะยาวทางวิศวกรของ Blockchain ในกลุ่ม Blockchain ที่ใหญ่ที่สุดกำลังทำโซลูชันแบบ “off-chain” ซึ่งจะสามารถช่วยให้ระดับในการ Scale ข้อมูลนั้นมีกว้างขึ้น เนื่องจากธุรกรรมนั้นจะไม่ได้ถูกทำผ่าน Blockchain อีกต่อไป และจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการใช้เครือข่ายและค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมของคุณนั้นลดลงด้วย

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น