สำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าของสหรัฐเปิดเผยในสัปดาห์นี้ว่า JP Morgan Chase ได้ยื่นขอรับสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain ซึ่งเหมือนเป็นการกลับลำของธนาคารนี้ เพราะว่าทางผู้ก่อตั้งของ JP Morgan เป็นหนึ่งในนักวิจารณ์ด้าน Bitcoin และ Cryptocurrency ที่มีความเห็นด้านลบตลอดมา
JP Morgan กลืนน้ำลายตัวเอง กำลังขอยื่นจดสิทธิบัตรด้าน Blockchain
JP Morgan Chase เป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และถือว่าใหญ่เป็นอันดับสองของโลกเมื่อเทียบกับมูลค่าทางตลาด โดยมีนาย Jamie Dimon เป็น CEO โดยคำพูดของเขามีความสัมพันธ์กับราคา Bitcoin ได้โดยตรง ย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 นาย Jamie Dimon เคยกล่าวว่า Bitcoin คือเรื่องหลอกลวง เขาเคยบอกกับทาง CNBC ว่าตลาด Bitcoin จะ “ระเบิด” แลจะไล่ทุกคนออกจากทีมของเขาถ้าพวกเขาซื้อขาย Bitcoin ในบริษัท “มันย่ำแย่ยิ่งกว่าวิกฤต Tulip เสียอีก มันจะจบไม่สวยแน่ ๆ และจะต้องมีคนตาย” นาย Dimon เคยกล่าว
หลังจากนั้นไม่นาน นาย Dimon ก็ด่านักลงทุนด้าน Bitcoin ว่า “โง่” และสักวันหนึ่งอาจจะต้อง “ชดใช้กรรม” ยังไม่เพียงแค่นั้น ยังมีข่าวลือว่าทางธนาคารยังจะออก Bitcoin Futures อีก และในรายงานประจำปีในเดือนกุมภาพันธ์ก็ได้รายงานว่า Cryptocurrency จะเข้ามา Disrupt วงการธนาคาร และการแถลงการณ์ล่าสุดของทาง JP Morgan เหมือนเป็นการส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของ JP Morgan
โดยสิทธิบัตรมีรายละเอียดว่าเป็น “ระบบและวิธีการใช้บัญชีแยกประเภทสำหรับการชำระเงินผ่านเครือข่าย” โดยวิธีการประมวลผลนี้ก็คือ
- ธนาคารที่จะทำการชำระเงินจะเป็นคนเริ่มต้นคำสั่งชำระเงินแก่ผู้รับเงิน
- ธนาคารที่จะทำการชำระเงินจะเป็นผู้ทำคำสั่งการชำระเงินไปยังบัญชีแยกประเภทบนเครือข่ายแบบ Peer-to-Peer
- ธนาคารปลายทางที่ได้รับเงินจะเป็นผู้ทำคำสั่งการชำระเงินไปยังบัญชีแยกประเภทบนเครือข่ายแบบ Peer-to-Peer
- ธนาคารที่ทำการชำระเงินจะเป็นคนตรวจสอบและประมวลผลการชำระเงินผ่านระบบภายในของธนาคารและจะทำการหักเงินในบัญชีทันที และนี่คือสิ่งที่ JP Morgan ทำ
และเหตุผลที่ทางธนาคารอยากจดสิทธิบัตรนี้ก็เพราะธนาคารกำลังพยายามลดต้นทุนในการอุตสาหกรรมด้านบริการการเดินสายไฟทั่วโลกอยู่ ซึ่งตลาดการส่งเงินไปทั่วโลกเป็นจำนวนเงินหลายพันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม Blockchain จะเข้ามาช่วยในเรื่องการทำธุรกรรมไร้พรมแดน อย่างไรก็ตาม อนาคตจะเป็นอย่างไรก็ต้องคอยติดตามกัน
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น