<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

อุปสรรคอะไรที่ขัดขวาง Blockchain และ Cryptocurrency จากการยอมรับโดยทั่วโลก

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เชื่อว่าเทคโนโลยี Blockchain นั้น จะสามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลง และปฎิวัติอุตสาหกรรมของโลกเราได้ในอนาคต ด้วยความสามารถในการเก็บข้อมูลที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หรือสามารถทำให้คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันอินเทอร์เน็ตไม่จำเป็นต้องเชื่อใจกัน ก็สามารถทำธุรกรรมกันได้ ซึ่งคาดว่าจะมาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม เช่นการเงิน, การธนาคาร, การจัดการ Supply Chain และอื่น ๆ อีกมาก

แต่ดูเหมือนว่าก่อนที่จะนำ Blockchain มาใช้ได้จริงนั้น จะมีอุปสรรคอยู่ไม่น้อย ซึ่งต้องทราบก่อนว่าเทคโนโลยี Blockchain นั้นพึ่งถือกำเนิดได้ไม่กี่ปี และยังอยู่ในช่วงแรก ๆ เท่านั้น ที่ยังมีช่องโหว่ และยังจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาอีกมาก โดยความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแล้ว อุปสรรคดังกล่าวนั้น แบ่งเป็นหลัก ๆ ได้ตามนี้

กระแสที่มากเกินไป

หากท่านใดที่อยู่ในวงการ Blockchain มาสักพัก จะเริ่มสังเกตแล้วว่า คนส่วนใหญ่ภายในวงการนี้นั้นจะตามกระแสกันได้ง่ายมาก (FOMO) ซึ่งหลาย ๆ คนเชื่อว่า Blockchain นั้นเหมือนยาวิเศษที่สามารถแก้ไขได้ทุกปัญหาภายในโลกใบนี้ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องจริง มีบางอุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องใช้ Blockchain อยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งหากความเชื่อผิด ๆ นั้นเริ่มแพร่ออกไป และเมื่อเวลาที่จะเผชิญความจริงมาถึงและ Blockchain ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างที่คิด ก็อาจส่งผลเสียต่อวงการคริปโตได้เหมือนกัน การสร้างและเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ

กฎหมายที่ยังไม่แน่นอน

ข้อนี้เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ขวางกั้นระหว่าง Blockchain และ Cryptocurrencies กับการยอมรับโดยทั่วโลก ลองจินตนาการดูว่า เศรษฐีที่มีทุนเป็นหมื่น ๆ หรือ แสน ๆ ล้านดอลลาร์ ทำไมพวกเขาถึงยอมนำเงินของพวกเขาไปลงทุนในวงการคริปโตที่จะมีความเสี่ยงในการถูกหลอก, ถูกโกง, ความผันผวนที่สูง และอาจจะเข้าไปพัวพันกับการโจรกรรมทางการเงินที่เกิดขึ้นในวงการคริปโตอย่บ่อยครั้งอีก ถึงแม้ว่า พวกเขาจะทราบว่ามันได้ผลตอบแทนที่มากกว่าการลงทุนแบบปกติก็ตาม สู้เขาลงทุนแบบปกติ ได้กำไรเรื่อย ๆ ไปแบบเดิมไม่ดีกว่าหรือ

ซึ่งหากมีกฎหมายมาควบคุมดูแลอย่างเหมาะสม โดยไม่ทำลายความเป็น Blockchain และ Cryptocurrecnies ไป เช่นมีการคุ้มครองนักลงทุน และป้องกันไม่ให้โดนต้มตุ๋นเป็นต้น นักลงทุนรายใหญ่ ๆ อาจจะเริ่มหันมาสนใจและยอมรับมากขึ้น ต่อจากนั้นจะเป็นผลกระทบลูกโซ่ไปยังนักลงทุนรายย่อย ๆ ให้มีความเชื่อมั่น และเริ่มยอมรับมากขึ้น จนอาจจะนำไปสู่การนำไปใช้จริงนั่นเอง

จุดยืนที่ยังไม่ชัดเจน

หากมองจากมุมมองของคนภายนอก ดูเหมือนตอนนี้ ใคร ๆ ก็มองว่าตลาดคริปโตในปัจจุบันนั้นเป็นตลาดที่เก็งกำไรเป็นส่วนใหญ่ โดยที่ไม่มีมูลค่าที่แท้จริง ซึ่งหากถามผู้คนในวงการ หรือนักลงทุน บางคนอาจไม่ทราบด้วยซ้ำว่าจริง ๆ แล้ว ในความคิดของพวกเขามูลค่าของ Bitcoin อยู่ที่ไหน และคืออะไร รู้แค่เพียงว่า ขุดได้มาแล้วจะนำไปขายเพื่อได้กำไร และถึงแม้รู้ และนำไปอธิบายให้คนนอกวงการฟัง พวกเขาอาจจะไม่เข้าใจ หรือเข้าใจแต่คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือพิเศษอะไรตรงไหน

ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าเทคโนโลยี Blockchain และ Cryptocurrencies นั้นยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งช่วงนี้จะเป็นช่วงที่มีโปรเจกต์หลากหลายโปรเจกต์ออกมาโฆษณา ว่าสามารถแก้ปัญหาโน้นนี้ได้ แต่หากนำมาใช้จริง ๆ ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าทำได้จริงหรือไม่ ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาในการพิสูจน์

เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ โปรเจกต์ปลอมที่สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกเอาเงินจะค่อย ๆ ตายจากไป เหลือไว้แต่โปรเจกต์ที่สร้างมูลค่าให้กับพวกเรา เท่านั้นที่จะอยู่รอด และเริ่มจากจุดนั้นมันจะโตอย่างหยุดไม่อยู่ และเริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้น เรื่อย ๆ จนเทคโนโลยีดังกล่าวกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไป เช่นเดียวกับตอนอินเทอร์เน็ต ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ใครก็ชอบและลงทุน จนเกิดฟองสบู่ดอทคอม ซึ่งหลังจากฟองสบู่แตก จะเหลือแต่โปรเจกต์ดี ๆ เท่านั้นที่เหลือรอด และพัฒนาขึ้นมาเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อคนทั่วโลก เช่น Google, Amazon หรือ Facebook ที่ใครก็ใช้เทคโนโลยีอยู่ในปัจจุบัน หากเราสามารถย้อนเวลาได้ กลับไปบอกคนเมื่อ 20 ปีที่แล้วว่าจะสามารถซื้อขายของออนไลน์กันได้โดยไม่จำเป็นต้องรู้จักกันและเจอหน้ากันก็คงไม่เชื่อเช่นเดียวกัน

สรุป

เพราะฉะนั้นอันดับแรกวงการ Blockchain และ Cryptocurrency ต้องมีกฎหมายที่เหมาะสมมาควบคุมกำกับตลาด และคุ้มครองนักลงทุนอย่างทั่วถึงเสียก่อน และตามมาด้วยโปรเจกต์สักโปรเจกต์ที่จะมีผลกระทบต่อผู้คนไปทั่วทั้งโลก จากจุดนั้น ผู้เขียนเชื่อว่าทั้งโลกจะเริ่มเปิดรับ Blockchain และ Cryptocurrency มากขึ้น และปรับทัศนคติที่ว่ามันไม่มีมูลค่า เป็นแค่การเก็งกำไร ให้กลายเป็นเทคโนโลยีที่สามารถเข้ามาทำให้ความเป็นอยู่ของคนเราดีขึ้น และมีความสะดวกสบายมากขึ้นอย่างแท้จริง

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น