ในการเทรดคริปโต นักเทรดต้องหาที่เก็บ Asset หรือทรัพย์สินของตัวเอง โดยแต่ละคนก็จะเลือกการเก็บไม่เหมือนกัน เช่นเก็บไว้บนเว็บเทรดต่าง ๆ เช่นเว็บเทรดที่คนไทยรู้จักอย่าง BX หรือเว็บเทรดสัญชาติไทยที่เพิ่งเกิดใหม่อย่าง Bitkub ซึ่งการเก็บเหรียญบนเว็บเทรดก็สะดวกดีสำหรับนักเทรดทั่วไป เพราะทั่วโลกก็ทำเช่นเดียวกัน
แต่ถ้าเราเป็นนักเทรดรายย่อย แต่อยากเก็บสินทรัพย์ของเราไว้ที่อื่นนอกจากเว็บเทรด มันก็จะมีเว็บกระเป๋าคริปโตออนไลน์ต่าง ๆ เช่น MyEtherWallet ไว้ฝากเหรียญที่มีมาตรฐาน ERC-20 นั่นเอง
แล้ว Hardware Wallet ยังจำเป็นหรือไม่ถ้าผู้ใช้งานอยากซื้อเอามาเก็บสินทรัพย์ คริปโต (Crypto Asset)
เทรดปริมาณมาก
ถ้านักลงทุนคริปโตเทรดทีละมาก ๆ เช่นจำนวนหลายแสนหรือหลักล้าน แน่นอนว่าเขาเหล่านั้นอาจจะต้องหาที่เก็บ Crypto Asset ที่ดี ไม่ใช่ว่าเว็บเทรดคริปโตไม่ดี แต่จากข่าวล่าสุดเว็บเทรด Crypto ใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลกอย่าง Bithumb ก็ถูกแฮ็คเป็นจำนวน 30 ล้านดอลลาร์ …
ถ้านักเทรดอยากรู้สึกอุ่นใจ อาจหา Hardware Wallet สักตัวมาใช้ เพื่อเก็บ Crypto Asset ไว้กับตัวเอง เพื่อที่จะรู้สึกอุ่นใจมากขึ้น เพราะเหมือนเก็บไว้กับตัวเองนั่นเอง ซึ่งถ้าเว็บเทรดคริปโต โดนแฮ็คหรือปิดตัวไป สินทรัพย์ที่เราได้ลงทุนไปหลักหลายล้านก็หายไปด้วยอย่างแน่นอน
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
ความปลอดภัย
ในแต่ละกระเป๋าเก็บคริปโต ก็จะมีการรักษาความปลอดภัยที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าบนเว็บเทรดคริปโตก็จะมี 2FA หรือ Email และ Password ต่าง ๆ ในการรักษาความปลอดภัย
Hardware Wallet ก็มีรูปแบบความปลดภัยเหมือนกัน โดยส่วนใหญ่แล้ว ก็จะเป็น Recovery Seed หรือคำ (Phrase) ประมาณ 12-24 คำ แล้วแต่ว่า Hardware Wallet จะกำหนด สุดท้ายยังมี Pin ที่เราสามารถกำหนดได้อีกด้วย มีการอัปเดตซอฟต์แวร์อยู่ตลอดเวลาเพื่อเพิ่มการรักษาความปลอดภัย
โดยทั้งหมดมานี้ ถ้ามีโจรมาขโมย Hardware Wallet เราไป แต่ถ้าไม่รู้ทั้ง Pin, Phrase ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
รองรับสกุลเงินที่เราซื้อไหม
เวลาเราเทรดเหรียญอะไรส่วนใหญ่บนเว็บเทรดก็จะมีกระเป๋าสำหรับเหรียญนั้น ๆ อยู่แล้ว แต่ก็อาจจะเกิดบางช่วงที่ว่าเว็บเทรดเหล่านั้นปิดไม่ให้ฝากเหรียญ เพราะอาจเกิดข่าวเกี่ยวกับการแฮ็คของเหรียญนั้น ๆ เช่นกัน
ส่วนใหญ่ Hardware Wallet จะรองรับสกุลเงินดัง ๆ เช่น Bitcoin, Ethereum, Bitcoin Cash, Dash, NEM, Monero, Ripple และเหรียญอื่น ๆ ในอนาคต แต่ถ้าเราไปเล่นเหรียญแปลก ๆ และไม่มีเทคโนโลยีที่ Hardware Wallet รองรับก็ไม่สามารถนำมาฝากได้เช่นกัน ต้องฝากไว้บนเว็บเทรดเช่นเดิม
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
ราคา
ราคา Hardware Wallet ยังมีราคาสูงอยู่เช่นยี่ห้อ Ledger Nano S มีราคาอยู่ที่ 79 ยูโร ยังไม่รวมค่าส่ง และถ้าเป็นยี่ห้อ Trezor มีราคาที่ 149 ยูโร โดยยังไม่รวมค่าส่ง ถ้าเราเป็นนักเทรดรายย่อยแบบเพิ่งหัดเล่นแนะนำว่าใช้กระเป๋าคริปโตบนเว็บเทรดคริปโตก่อนได้ แต่ถ้าในอนาคต มีกำไรมากขึ้นก็ลองซื้อ Hardware Wallet มาใช้ทีหลังก็ได้
สรุป
ถ้าถามว่านักเทรดทุกคนจำเป็นต้องใช้ Hardware Wallet หรือไม่ ทางผู้เขียนก็ไม่สามารถฟันธงได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจำเป็นไหม เพราะต้องดูความต้องการของแต่ละคนว่าต้องการเก็บเหรียญในรูปแบบอะไร เพราะถ้าต้องการความสบายก็ฝากไว้บนเว็บเทรด แต่ถ้าอยากพกพาเหรียญไปกับตัวเองด้วย Hardware Wallet อาจตอบโจทย์
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น