<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Blockchain จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเรื่องคอรัปชั่นในองค์กรต่าง ๆ ได้อย่างไร

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในแต่ละประเทศ ต่างก็มีปัญหาคอรัปชั่นด้วยกันแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนขององค์กร รัฐบาล หรือแม้แต่ในครอบครัว

สำหรับประเทศไทย อ้างอิงจากเว็บ Transparency.org ในปี 2016 ประเทศไทยมีปัญหาคอรัปชั่นอยู่ที่ลำดับ  101 จาก 176 ประเทศ เท่ากับว่าปัญหาคอรัปชั่นในประเทศไทยอาจจะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา

แต่ถ้าเรามีระบบ Blockchain เข้ามาแก้ไขปัญหาคอรัปชั่น มันจะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้อย่างไรบ้าง

การยืนยันข้อมูลประจำตัว

สิ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาคอรัปชั่นได้ สิ่งแรกสุดก็คือการยืนยันตัว ถ้าเป็นเมื่อก่อนการยืนยันข้อมูลประจำตัวก็อาจเป็นเพียงแค่การส่งเอกสาร เซ็นต์สำเนาถูกต้อง ระบุว่าเอาไปใช้เพื่ออะไรในรูปแบบแผ่นกระดาษ

แต่ในปัจจุบันเมื่อเทคโนโลยีถูกพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด การใช้หลักฐานเหล่านั้นก็เปลี่ยนเป็นรูปแบบดิจิทัล และอาจถูกปลอมแปลงได้ง่ายขึ้น

หากมีเทคโนโลยีอย่าง Blockchain เข้ามา มันจะสามารถช่วยลดอัตราการโกงข้อมูลประจำตัวลง เพราะเทคโนโลยีตัวนี้ จะช่วยป้องกันการปลอมแปลงข้อมูลและเมื่อจะทำการตรวจสอบก็สามารถเข้าไปดูและตรวจสอบได้ทันที

มีกรณีตัวอย่างที่ Jamica ได้สร้างระบบบัตรประจำตัวประชาชนซึ่งเป็นเครื่องมือในการป้องกันและต่อต้านการฟอกเงิน และแน่นอนว่าถ้าเป็นองค์กรหรือผู้ให้บริการทั้งหลาย นอกจากสามารถระบุพนักงานแต่ละคนได้ ก็ยังสามารถระบุลูกค้าแต่ละคนได้ด้วยเช่นกัน

ลงทะเบียนสินทรัพย์

ในเคสนี้เราจะยกตัวอย่างในรัฐบาล เนื่องจากก่อนที่นักการเมืองจะเข้ามารับราชการ ก็จำเป็นที่จะต้องลงทะเบียนสินทรัพย์ก่อนเป็นอย่างแรก เพื่อเป็นการบ่งบอกว่ามีสินทรัพย์ก่อนที่จะเข้ารับราชการเท่านี้ และเมื่อยุติหน้าที่แล้วมีสินทรัพย์อยู่เท่าไร แต่ถ้าใช้ระบบ Blockchain ในการบันทึกข้อมูล อาจช่วยได้ในระดับหนึ่ง เพราะว่าถ้าตัวนักการเมืองคนนั้นไม่ยอมมอบข้อมูลตั้งแต่แรก มันก็ไม่สามารถตรวจเช็คสินทรัพย์ได้

อย่างเมื่อปีที่แล้วทางดูไบ เริ่มรับลงทะเบียนที่ดินด้วยระบบ Blockchain ซึ่งเป็นการช่วยให้นักลงทุนที่อาศัยอยู่ในดูไบและทั่วโลกสามารถตรวจสอบดูข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ในดูไบได้

ติดตามธุรกรรมทุกอย่างได้

ในองค์กร บริษัท หรือแม้รัฐบาลอาจจัดเก็บข้อมูลในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไป แต่ถ้ารูปแบบในการจัดเก็บมันยากที่จะรักษาหรือมันสามารถปลอมแปลงได้ ทุกอย่างก็จะไร้ความหมาย แต่น่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าถ้าเราจับทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงินมาอยู่บนระบบ Blockchain เช่นสัญญาทั่วไป การโอนเงิน หรือข้อมูลลับ ก็จะช่วยป้องกันการโกงได้มากขึ้นแน่นอน

สรุป

เทคโนโลยี Blockchain ไม่ใช่ยาครอบจักรวาล อย่างไรก็ตามผู้เขียนคิดว่าเทคโนโลยี Blockchain กำลังอยู่ในช่วงพัฒนา และใช้เวลาอีกหลายปีที่จะสามารถนำมานำร่องในการใช้งานและแผ่ขยายในวงกว้าง ถ้าเราทำให้ Blockchain เป็นสิ่งที่ทุกคนพูดถึงได้ เทคโนโลยีจะสามารถสร้างคุณประโยชน์อีกมากมายอย่างแน่นอน

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น