<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

10 อันดับเหรียญ Cryptocurrency มูลค่ายอดแย่แห่งปี 2018

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปี 2018 เป็นปีที่นักเทรดเหรียญคริปโตหลาย ๆ คนต่างก็เฝ้ารอตั้งแต่เมื่อปลายปี 2017 ว่าจะเป็นปี ‘ที่ยิ่งกว่าทอง’ ของตลาด cryptocurrency แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อตลาดได้หันหัวจากขาขึ้นเป็นขาลงในแบบที่ไม่มีใครคาดเดาได้ ส่งผลทำให้นักลงทุนหลาย ๆ รายต้องเจ็บช้ำน้ำใจไปตาม ๆ กัน

ไม่ว่าจะ BTC, BCH, ETH, XRP หรือเหรียญ 10 อันดับแรกของกระดาน Coinmarketcap นั้นต่างก็มีมูลค่าตกลงที่เกินกว่า 50% จากจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ด้วยกันทั้งสิ้น แต่นั่นเป็นแค่เหรียญ 10 อันดับแรกจากทั้งหมด 2099 อันดับ จะมีสักกี่คนที่ทราบถึงเหรียญ Altcoin ในตลาดตัวอื่น ๆ ที่มี performance ที่แย่กว่านั้นบ้าง

ลิสด้านล่างนี้แสดงถึงเหรียญคริปโตบน Coinmarketcap ที่เรียกได้ว่ามีมูลค่า ‘ยอดแย่’ แห่งปี 2018 โดยคิดจากจำนวนเปอร์เซนต์ของราคาที่ร่วงลงมาจากจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์

เมื่อถึงจุดนี้ คุณอาจจะสงสัยว่าทำไมเหรียญเหล่านี้ถึงได้มีราคาที่ตกลงมาอย่างรุนแรงขนาดนี้ โดยเริ่มตั้งแต่เหรียญ ZCL และ BTCP ที่เคยตกเป็นเหยื่อของการ hard fork ซึ่งในตอนนั้นเกิดขึ้นเมื่อทีมนักพัฒนาเหรียญ BTCP ได้ออกมาประกาศว่าพวกเขาจะแจก airdrop (เหรียญ hard fork ที่ถูกแยกออกมาจากเหรียญเดิม) ให้กับผู้ถือเหรียญ ZCL และ BTC โดยภายหลังจากนั้นราคา ZCL ได้เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงไปแตะจุดสูสุดในประวัติศาสตร์ที่ 235.32 ดอลลาร์ แต่ภายหลังจากนั้นเมื่อกระแสของเหรียญดังกล่าวตกลง ราคานั้นก็ร่วงตาม โดยไปอยู่ที่ 3.44 ดอลลาร์

นอกจากนั้น Bitcoin Diamond (BTCD) ก็มีลักษณะเรื่องราวที่ใกล้เคียงกัน เหรียญดังกล่าวถูกสร้างขึ้นเมื่อช่วงปลายปี 2017 มันถูกสร้างขึ้นบนแนวคิดที่ต้องการจะเป็น Bitcoin ในเวอร์ชันที่เร็วกว่า, ถูกกว่า แต่ถ้าหากคุณไปดูราคาของมันหลังจากที่ทำการ hard fork ออกมาแล้วจะพบว่ามันไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร

โดยราคาของมันนั้นขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 91.47 ดอลลาร์วันแรกที่เปิดตัว ก่อนที่จะร่วงลงมาเรื่อย ๆ จนเหลืออยู่ที่ 1.73 ดอลลาร์ในปัจจุบัน

ในขณะเดียวกัน สำหรับเหรียญคริปโตตัวอื่น ๆ ดูเหมือนว่ามันยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหรียญเหล่านั้น เหรียญบางตัวคาดว่าทีมนักพัฒนานั้นขาดการติดต่อไป, บางตัวนั้นประสบปัญหาการปั่นราคาหรือมีกลุ่ม community ผู้ใช้งานที่ไม่ได้มีความกระตือรือร้นมากนัก แต่กระนั้น การหันกลับไปมองเหรียญเหล่านั้นจะสามารถช่วยสอนให้นักลงทุนเริ่มที่จะรู้อะไรหลาย ๆ อย่างมากขึ้น

บทเรียนอันแสนแพง

สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากประวัติศาสตร์ของตลาดคริปโตที่ผ่านมาก็คือ ไม่ว่าราคาของเหรียญเหล่านั้นจะร่วงลงมาต่ำขนาดไหน มันก็ยังสามารถที่จะต่ำลงไปได้อีก จนกว่ามันจะเหลือ 0 ดอลลาร์ หรือ satoshi ยกตัวอย่างเช่น Bitconnect (ดูกราฟด้านล่าง) ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่ามันไม่มีก้นเหวที่แท้จริง

เรื่องที่สองก็คือ นักลงทุนควรที่จะอยู่ให้ห่างจากการลงทุนในตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำ โดยเฉพาะเหรียญ altcoin ในอันดับล่าง ๆ ที่นานทีจะมีกิจกรรมการซื้อขายเกิดขึ้นที ซึ่งนั่นหมายความว่าการไร้ซึ่งแรงซื้อจากนักลงทุนจะทำให้ผู้คนที่เคยซื้อไปก่อนหน้านี้ไม่สามารถปิด position ของพวกเขาได้ ซึ่งอาจส่งผลทำให้ผู้ที่ร้อนเงินต้องยอมเทขายแบบขาดทุน และส่งผลทำให้ราคาร่วงลงไปอีก

และเรื่องข้อสุดท้ายคือ กราฟล่าสุดนั้นอาจจะกำลังส่งเสียงบอกว่า “ใจเย็น ๆ และ HODL ต่อไป!” แต่ในความเป็นจริงแล้ว นั่นดูเหมือนว่าจะไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีเท่าไรนัก เนื่องจากว่าอัตรา drawdown ถึง 99% นั้นเป็นสิ่งที่ไม่น่ายอมรับอย่างยิ่ง ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้หลาย ๆ คนในตลาดคริปโตกำลังเจอปัญหาใหญ่ ในบางครั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่จะยอมขายขาดทุน และกลับมาซื้อคืนทีหลังในราคาที่ถูกกว่า เพื่อที่จะได้ถือครองเหรียญให้มากกว่าเดิม

นอกจากนี้ เมื่อลองหันมาดูเหรียญคริปโต Top 10 มูลค่ายอดเยี่ยมแห่งปี 2018 จะได้เห็นว่ามีหลายเหรียญอยู่บ้าง ที่แม้ว่าจะเจอปัญหาตลาดหมี แต่เหรียญเหล่านี้ก็ยังทำให้นักเทรดคริปโตหลาย ๆ คนยังพอเหลือที่ว่างไว้หายใจบ้าง

แม้ว่าตัวเลขเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ดูดีไปกว่าลิสด้านบน แต่ถ้าหากว่าคุณลองดูความแตกต่างของตัวเลขเปอร์เซนต์แล้วนั้น จะเห็นว่ามันมีความต่างอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น มีชายคนหนึ่งลงทุนซื้อ BTC และ ZCL ด้วยเงิน 1,000 ดอลลาร์ที่จุดสูงสุด ซึ่งภายหลังเงินลงทุน 1,000 ดอลลาร์สำหรับ BTC นั้นเหลืออยู่ที่ 310 ดอลลาร์ แต่ในขณะที่ ZCL นั้นเหลืออยู่ที่ 14 ดอลลาร์

ความต่างนั้นสามารถยืนยันได้ด้วยตัวเลข breakeven multiple (จำนวนเท่าตัวของราคาเพื่อให้ไปถึงจุดคืนทุน) ซึ่งเหรียญ ZCL นั้นจะต้องใช้ทั้งหมด 73 เท่าเพื่อที่จะให้ถึงจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ได้ ในขณะที่ BTC นั้นใช้เพียงแค่ 3.2 เท่า เท่านั้น สองสิ่งนี้คือความต่าง และนักลงทุนควรที่จะพิจารณาให้ดีก่อนลงทุน

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น