ดูเหมือนว่าทางผู้ออกกฎหมายด้านการเงินของประเทศไทยนั้นจะไม่นิ่งนอนใจต่อธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัลที่ผิดกฎหมายอีกต่อไป เมื่อพวกเขาได้ออกมาประกาศเตือนให้นักลงทุนในประเทศไทยนั้นระวังถูกหลอก และตกเป็นเหยื่อกับมิจฉาชีพที่หลอกไปลงทุนใน ICO และเหรียญ cryptocurrency ที่เป็นของพวกมิจฉาชีพ
โดยอ้างอิงจากหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ฉบับวันที่ 24 ตุลาคม 2561 นั้น นาย ปริย เตชะมวลไววิทย์ ฝ่ายสือสารองค์กรและส่งเสริมความรู้ผู้ลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นของเทรนด์เป็นการชวนลงทุนเหรียญดิจิทัลหรือไอซีโอต่างๆ โดยในระหว่างที่กำลังรอให้ความเห็นชอบไอซีโอพอร์ทัลนั้น เขากล่าวว่า
“การชักชวนมีหลากหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่จะโฆษณาผ่านออนไลน์ มีเว็บไซต์ หรือประชาสัมพันธ์ ผ่านเฟซบุ๊ก ยูทูบ โซเชียลมีเดีย รวมถึงจัดงานเลยก็มี ก็ปรากฏว่ามีคนหลงเชื่อเข้าร่วมมาก ก.ล.ต.เป็นห่วงต้องออกมาเตือนทางช่องทางต่างๆ”
จัดงานสัมนา
เมื่อพูดถึงการลงทุนที่ผิดกฎหมายที่มิจฉาชีพส่วนใหญ่มักจะทำกันเป็นประจำนั้น มักจะมีการชวนคนเข้ามาต่อ ๆ กัน และไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไรมารองรับ โดยนายปริยกล่าวเน้นย้ำเป็นพิเศษว่า
“พวกมิจฉาชีพหลอกลวงโดยอ้างว่าเป็นการลงทุนในคอยน์หรือคริปโทเคอเรนซี ต่างๆ อ้างว่าลงทุนแล้วร่ำรวย ให้ผลตอบแทนสูง และจะยิ่งสูงถ้าเราชวนคนมาเพิ่มอีก กรณีแบบนี้จริงๆ แล้ว ไม่ได้มีคอยน์หรือมีเทคโนโลยีอะไรรองรับ เพราะเป็นแชร์ลูกโซ่ล้วนๆ แค่ทำหน้าเว็บขึ้นมาให้ดูน่าเชื่อถือ และกระหน่ำด้วยการโฆษณาชวนเชื่อแบบปากต่อปากหรือจัดงานสัมมนางานเลี้ยงใหญ่โต”
แอบอ้างก.ล.ต.
ที่น่าสนใจคือ นายปริย ยังเน้นย้ำให้ระวังถึงรูปแบบในการหลอกลวงลงทุนแชร์ลูกโซ่ในรูปแบบที่มีการแอบอ้างผู้ออกกฎหมายด้านการเงินอย่างเช่น ก.ล.ต. หรือแบงก์ชาติ
“ช่วงแรกมักมีการจ่ายผลตอบแทนจริง คนเลยหลงเชื่อ แท้จริงแล้วเงินที่เขาจ่ายมาอาจเป็นเงินเราเองที่โอนไปให้เขา และบางรายอาจอ้างว่ามีการหารือหรือได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต.หรือธนาคารแห่งประเทศไทย หรือหน่วยงานกำกับในต่างประเทศแล้วเข้าไปอีก”
ก่อนหน้านี้ทางก.ล.ต. ได้ออกมาประกาศปฏิเสธว่า “ไม่มีการนัดหมายเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ICO ของ OneCoin” ตามที่มีการปล่อยข่าวลือเพื่อให้หลงเชื่อกันในหมู่นักลงทุน cryptocurrency ในประเทศไทยมาแล้วผ่าน Facebook ของพวกเขาเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา
“ตามที่มีการแชร์ข้อความใน social media ว่ามีการนัดหมาย ก.ล.ต. เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ICO ราย OneCoin นั้น ก.ล.ต. ขอชี้แจงว่า ไม่มีการนัดหมายดังกล่าวแต่อย่างใดครับ”
ประกาศโดย ก.ล.ต. ในขณะนั้น
เปลี่ยนมุกมาเป็นออก ICO ใหม่
นายปริยยังได้เผยถึงเทคนิคที่ธุรกิจแชร์ลูกโซ่เหล่านี้มักจะทำอีกหนึ่งอย่าง ซึ่งก็คือการประกาศออก ICO ใหม่ที่ทำได้แค่การเอาไปแลกกับเหรียญตัวเก่า โดยกล่าวว่า
“บางกรณีก็เปลี่ยนมุกมาเป็นการออกไอซีโอคอยน์ใหม่ให้เอาไปแลกคอยน์เวอร์ชั่นเดิมประโคมข่าวใหญ่โตทั่วโลก โดยในเอกสารให้ข้อมูล (ไวท์เปเปอร์) ไม่ได้ให้รายละเอียดเต็มที่ แม้กระทั่งรายชื่อทีมที่ทำ แถมที่ผ่านมาในหลายประเทศได้เตือนหรือการออกข่าวอยู่แล้วว่าเป็นเรื่องหลอกลวง มีการดำเนินคดีกับคนที่เกี่ยวข้อง กรณีทำนองนี้หากท่านถูกชวนหรือเห็นคนใกล้ตัวถูกชวน ก็ต้องใช้ความระมัดระวังกันให้หนักๆจะได้ไม่เสียใจภายหลัง”
ปัจจุบันการลงทุนผ่าน Initial Coin Offerings (ICO) นั้นได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก เนื่องจากการนำเอาเทคโนโลยี blockchain เข้ามาใช้ และผู้ระดมทุนนั้นมักจะได้เงินมาพัฒนาโครงการก่อน โดยที่ไม่ต้องสูญเสียส่วนแบ่งของบริษัทเลยแม้แต่นิดเดียว จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ในตลาดดังล่าวนั้นมีทั้งมิจฉาชีพที่ต้องการเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ และ ICO ดี ๆ ปะปนกันไป
ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง ก.ล.ต. จึงได้ออกมาช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการออกกฎเกณฑ์การรับรองการออกและเสนอขายโทเค็นดิจิทัลดังกล่าว ซึ่งกำหนดว่าผู้ที่ต้องการจะออก ICO นั้นจะต้องขออนุญาตตัวแทนจากก.ล.ต. หรือ ICO Portal เสียก่อน ซึ่งกลุ่มเหล่านี้จะประกอบไปด้วยบริษัทจำกัดที่มีศักยภาพในการตรวจสอบว่า ICO เหล่านี้เป็นของจริงหรือปลอม
ล่าสุดทาง ก.ล.ต. กล่าวว่าผู้ที่จะได้รับอนุมัติให้เป็น ICO Portal ในประเทศไทยนั้นมีถึง 3 รายแล้วด้วยกัน และคาดว่าน่าจะเสร็จในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น