ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือ Stock Exchange of Thailand (SET) กำลังวางแผนที่จะยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจากกระทรวงการคลัง โดยกำลังวางแผนที่จะเปิดเว็บให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลภายในปีนี้ รายงานดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่มี 4 บริษัทได้รับใบอนุญาตไปแล้วเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
โดยอ้างอิงจากบางกอกโพสต์นั้น ดูเหมือนว่าทางตลาดหลักทรัพย์กำลังต้องการที่จะ “จับกระแสสินทรัพย์ดิจิทัล” กล่าวโดยนางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ หรือประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิเคอร์ส
เธอเผยว่าบริษัทด้านหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของ SET กำลังวางแผนที่จะตั้งตัวเองเป็นโบรคเกอร์ หรือดีลเลอร์สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์จึงคาดหวังที่จะร่วมมือกับสมาชิกภายในกลุ่ม
ซึ่งนั่นหมายความว่าถ้าหากทางตลาดหลักทรัพย์ได้ใบอนุญาตแล้วล่ะก็ พวกเขาจะเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นของโลกที่เปิดให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ควบคู่ไปกับหุ้นนั่นเอง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเริ่มแสดงความสนใจใน digital assets ก่อนหน้านี้ทางสยามบล็อกเชนเคยรายงานไปแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2018 ว่าทาง SET นั้นได้ปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับการระดมทุน ที่ทำงานอยู่บน Blockchain โดยมีเป้าหมาย “เพื่อที่จะช่วยให้สตาร์ทอัพใหม่ ๆ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ซึ่งรวมไปถึงแหล่งเงินทุนจาก Venture Capital และนักลงทุนระดับสถาบัน”
เมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ทาง ก.ล.ต. แห่งประเทศไทยได้ออกมาประกาศรายชื่อผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว ซึ่งนั่นประกอบด้วยเว็บไซต์ bx.in.th, bitkub.com, satang.pro และ coins.co.th
ซึ่ง 4 ใน 7 ของผู้ประกอบการดังกล่าวนั้นได้รับใบอนุญาต ทว่าบริษัทที่เหลือถูกทางกระทรวงการคลังปฏิเสธใบอนุญาต เนื่องจากเหตุผลในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งส่วนใหญ่นั้นเป็นด้านความปลอดภัย
นางภัทธีรากล่าวว่า “ทางเรานั้นไม่รีบที่จะเข้ามาในตลาดการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากว่าบริษัทบางบริษัทนั้นกำลังบริหารธุรกิจหลักของพวกเขาอยู่ ในขณะที่เหรียญคริปโตเคอเรนซี่นั้นเป็นแค่หนึ่งในประเภทของสินทรัพย์ดิจิทัลเท่านั้น ซึ่งทางโบรคเกอร์สามารถที่จะปรับตัวแพลทฟอร์มซื้อขายเพื่อให้รองรับการแลกเปลี่ยนดิจิทัลได้” พร้อมเสริมว่า “บริษัทด้านหลักทรัพย์นั้นกำลังรอให้ทาง SET ยื่นขอใบอนุญาตก่อน สำหรับทางเรานั้น สินทรัพย์ดิจิทัลนั้นจะเป็นที่คาดว่าจะเติบโตอีกในอนาคต เมื่อนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มมีความเข้าใจเกี่ยวกับมันมากขึ้นแล้ว”
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น