<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

อัยการสหรัฐฯ กล่าว “OneCoin เป็นแชร์ลูกโซ่ ที่มีมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

มีหลักฐานในการสืบสวนคดี Onecoin มากขึ้น

หลักฐานจับ OneCoin

อ้างอิงจากเอกสารของนาย Mark Scott เมื่อวันที่ 13 กันยายนปี 2018 ที่ผ่านมา

นาย Scott ถูกฟ้องในเดือนสิงหาคม 2018 ที่ผ่านมาซึ่งถูกปรับเป็นจำนวนเงิน 400 ล้านดอลลาร์ในคดีฟอกเงินของเขาหรือการขโมยเงินจากเหรียญแชร์ลูกโซ่ Onecoin จากนักลงทุน

แม้ว่าการไต่สวนเมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมาหลักฐานฃเพิ่งได้รับการเผยแพร่สู่สาธารณะ

เมื่อถูกถามรายละเอียดเกี่ยวกับคดีก่อนถึงการพิจารณาคดีพนักงานอัยการคนหนึ่งของรัฐบาลกลางอธิบายว่า OneCoin เป็น “เงินดิจิทัลหลอกลวง”

Onecoin นี้หลอกลวงไปทั่วโลก และสามารถหลอกเอาเงินไปกว่า 4 พันล้านดอลลาร์จากเหยื่อ

ผู้พิพากษาตอบกลับว่า:

“ผมขอถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องนั้นได้ไหม

นั่นคือรูปแบบการฉ้อโกงสกุลเงินดิจิทัล แชร์ลูกโซ่ คุณรู้หรือไม่?”

เขาตอบกลับมาว่า “รู้มานานแล้ว”

“มันเป็นแชร์ลูกโซ่ มันเป็นเงินดิจิทัลฉ้โกงที่ไม่มีรับการสืบสวน นักลงทุนไม่สามารถเอาเงินออกมาจากโปรเจกต์นี้ได้เมื่อพวกเขาลงทุนในเหรียญนี้ การที่มีการแชร์ลูกโซ่ยักษ์ใหญ่เท่านี้ได้นั้น เพราะค่าคอมมิชชั่นที่จ่ายให้กับผู้ที่โปรโมทและนายหน้านั้นสูงมาก”

ข้อพิพาทระหว่างเรื่อง Blockchain กับ OneCoin เริ่มต้นเมื่อปี 2017 โดยมันถูกรายงานว่ามันใช้ SQL ในการเสกเหรียญขึ้นมาไม่ใช่ คริปโต

แต่ทาง OneCoin ก็ได้แต่ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวและได้มีการเรียกร้องให้มีการสอบสวนว่าบริษัทตนนั้นมี Blockchain

จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีหลักฐานวว่ามีการสืบสวนในเรื่องนี้ แต่นั่นก็ยังคงมีการฟ้องร้รองจากนักลงทุน OneCoin อยู่ตลอดเวลา

มีการโพสต์บทความเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมาบทเว็บ BusinessForHome ซึ่งระบุว่า OneCoin คือสิ่งหลอกลวง:

แต่มีการตรวจสอบจากบริษัท Fintech อิสระจากเยอรมันได้พิสูจน์ว่า:

Onecoin มี Blockchain ที่ใช้งานจริงและเป็น Cryptocurrency จริง ๆ ด้วย

นาย Ted Nuyten CEO ของ BusinessForHome อาจได้รับเงินเป็นจำนวนไม่น้อยเพื่อแลกกับการไม่เปิดเผยและเพื่อปกป้อง OneCoin

นาย Nuyten นั้นยังเป็นนักโปรโมทให้กับ OneCoin อีกด้วย การสอบสวนจากรัฐบาลกลางสหรัฐ เชื่อว่ามีการร่วมมือกันระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

กลับมาที่นาย Mark Scott ที่ถูกกล่าวหาโดยรัฐบาลกลางสหรัฐ

เขามีใบอนุญาตทนายความ เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดและผู้ก่อตั้งกองทุนความเสี่ยงระหว่างประเทศ โดยมีบัญชีธนาคารที่ในหมู่เกาะเคย์แมนและไอร์แลนด์ และการที่มีบัญชีเหล่านี้ ก็จะเป็นการอำนวยความสะดวกในการฟอกเงินจากสกุลเงินดิจิทัล

และเพื่อที่จะทำเช่นนั้นได้นั้น เขาจำเป็นที่จะต้องโกหกธนาคาร เขาต้องโกหกกับผู้บริหารกองทุน เขาบิดเบือนความจริงว่าเงินทุนมาจากไหน และสุดท้ายนาย Mark Scott ก็เป็นตัวแทนในการขโมยกองทุนเสียเอง

อัยการสหรัฐฯ ได้สืบสวนต่อ:

มีการเปิดเผยว่าเงินที่เข้ามาในกองทุนนั้น มาจากรายได้ของโปรเจกต์หลอกลวงของ OneCoin แทบทั้งสิ้น

และเมื่อถามถึงหลักฐานจากกระทรวงยุติธรรม (DOJ) ก็ได้ระบุว่า:

“เรามีหลักฐานทั้งในรูปแบบ Hard Copy และ Soft Copy และหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์มากมาย

โดยแบ่งเป็นหลายหมวดหมู่เช่น บันทึกทางธนาคารและการเงิน, บันทึกการบริหารกองทุน,  บันทึกโทรศัพท์, บันทึก WhatsApp และบัญชีอีเมล, บันทึก GPS, หลักฐานการส่งเสริมการขาย Cryptocurrency เรามีรูปถ่ายของโทรศัพท์ของเขาและข้อมูลในโทรศัพท์นั้น เรามีรายการบัญชีที่ถูกยึดหรือถูกจำกัด”

เมื่อทีมตรวจสอบเรียบร้อยแล้วหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐอเมริกา จะสามารถเข้าถึงข้อมูล OneCoin ของนาย Scott บนโทรศัพท์อย่างน้อย 17 เครื่อง แล็ปท็อปหกเครื่อง iPad สองเครื่องและการ์ดหน่วยความจำสามตัวและแฟลชไดรฟ์ห้าตัว

นาย Sebastian Greenwood มือขวาของนาง Ruja Ignatova ผู้ก่อตั้ง OneCoin ถูกจับกุมที่เมืองไทยและถูกส่งผู้ร่ายข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ เมื่อไตรมาสที่สี่ของปี 2018

นอกเหนือจากการยืนยันการจับกุมผ่านทางการไทยแล้วนั้น เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังไม่เปิดเผยอะไรเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันหรือที่อยู่ของนาย Greenwood

อย่างไรก็ตามนาย Scott ได้รับการปล่อยตัวด้วยเงิน 2.5 ล้านดอลลาร์ และในวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมาก็ยังไม่มีการอัปเดตเรื่องราวคดีของนาย Scott อีกเลย

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น