การเคลื่อนไหวล่าสุดที่มีชื่อว่า “GoxRising” กำลังวางแผนเพื่อฟื้นฟูกิจการสำหรับเจ้าหนี้ของเว็บกระดานซื้อขายเหรียญ Bitcoin ในตำนานที่ล่มสลายไปเมื่อปี 2014 นาม Mt.Gox โดยจะเป็นแผนการระยะยาวในฟื้นฟูเว็บดังกล่าว อ้างอิงจากการให้สัมภาษณ์ของนักลงทุนคริปโตชื่อดังนาย Brock Pierce กับเว็บไซต์ TechCrunch เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ตามที่มีรายงานก่อนหน้านี้ ว่ามีเจ้าหนี้ประมาณ 24,000 รายที่ตกเป็นผู้เสียหายในกรณีการถูกแฮ็คของเว็บ Mt.Gox จนทำให้ต้องล่มสลายไปเมื่อต้นปี 2014 ทำให้มี Bitcoin ที่สูญเสียไปแล้วถึง 850,000 BTC ซึ่งคิดเป็นเงินมูลค่ากว่า 460 ล้านดอลลาร์ในขณะนั้น
การคืนเงินให้กับเจ้าหนี้ของ Mt.Gox นั้นกำลังถูกจัดการโดยทนายจากโตเกียว นาย Nobuaki Kobayashi ผู้ที่ถูกแต่งตั้งโดยศาลเพื่อให้เป็นผู้ช่วยฟื้นฟูกิจการ และดูแลในส่วนของบัญชีของ Mt.Gox ที่ล้มละลายไปแล้ว ซึ่งการใช้เงินคืนให้กับเจ้าหนี้นั้นจะใช้เวลาประมาณ 3-5 ปี ตามที่ TechCrunch เผย
แคมเปญ GoxRising อ้างว่าการใช้เงินคืนให้เจ้าหนี้นั้นอาจจะเร็วกว่านี้หากสามารถจัดการเรื่องกฎหมายและปัญหาด้านเทคนิคได้ โดยอ้างอิงจาก TechCrunch ปัจจุบันทางกลุ่มผู้ดูแลบัญชีของ Mt.Gox ถือทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 1.2 พ้นล้านดอลลาร์ ซึ่งแบ่งเป็นเงินสดประมาณ 630 ล้านดอลลาร์, มี Bitcoin ที่ 137,892 BTC และ Bitcoin Cash ประมาณ 162,106 BCH
นาย Pierce เผยให้เห็นถึงแผนการในการฟื้นคืนชีพแพลทฟอร์มใหม่ โดยอาจจะใช้ชื่อว่า “Gox” หรือ “Mt.Gox” เหมือนเดิม ซึ่งเป้าหมายนั้นก็ไม่เพียงแต่ฟื้นฟูจำนวนเงินที่สูญเสียไปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชื่อของกิจการ และโดเมนเนมอีกด้วย ซึ่งจุดที่น่าสนใจก็คือแพลทฟอร์มใหม่ของพวกเขาจะเป็นแบบไม่เก็บเงินของลูกค้าไว้ในเว็บ ก็เพื่อลดภาระความปลอดภัย
สรุปง่าย ๆ ก็คือแคมเปญ GoxRising วางแผนที่จะใช้ BTC หรือ BCH คืนให้กับเจ้าหนี้ และรวมถึงความพยายามในการทำธุรกิจเพื่อหาเงินส่วนต่างที่หายไปมาคืนพวกเขาอีกด้วย ซึ่งผู้ริเริ่มแคมเปญนี้กล่าวว่าพวกเขาจะลบล้างหุ้นของผู้ถือหุ้นของ Mt.Gox เพื่อสร้างเหรียญใหม่
เหรียญที่ว่านี้มีชื่อว่า “Gox Coin” ที่จะทำให้เจ้าหนี้สามารถเป็นผู้ถือ เงินเดิมพันในระบบใหม่นี้ ทว่าปัจจุบันรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานะด้านกฎหมาย รวมถึงสิทธิ์ในการถือ Token ดังกล่าวยังคงเป็นความลับ
เพื่อให้แคมเปญ GoxRising สำเร็จลุล่วงได้นั้น พวกเขาจำเป็นต้องชดใช้เจ้าหนี้ให้ได้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งก็คือจำนวน 12,000 คน
ตามที่ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วในสัปดาห์นี้ถึงเอกสารลับที่เปิดเผยเหรียญ BTC และ BCH จำนวนมหาศาลบนแพลทฟอร์ม BitPoint ในช่วงปี 2018 ซึ่งหลาย ๆ คนเชื่อว่านาย Kobayashi เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเทขายเหรียญเหล่านั้นจนทำให้ราคา Bitcoin ร่วงลงอย่างรุนแรง
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น