นาย Changpeng Zhao (หรือ “CZ”) ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Binance ได้ออกมาพูดถึง Binance Chain ซึ่งเป็น Blockchain ของ Binance ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ว่า Blockchain ใหม่ของ Binance นั้นมีประสิทธิภาพมากจนอาจจะทำให้โปรเจ็คหลาย ๆ อย่างที่รันอยู่บน Ethereum Blockchain เปลี่ยนใจหันมาใช้ Binance Chain ก็ได้เพราะมันให้ความเร็วมากกว่า
Binance Chain คืออะไร?
ทางทีมงานของ Binance ได้ออกมาพูดถึง Binance ไว้เมื่อเดือนมีนาคมซึ่งก็ได้กล่าวถึงการทำงานและความพิเศษของ Blockchain ใหม่นี้
“Binance Chain เป็น Blockchain สาธารณะที่จะมุ่งเน้นไปที่การโอนและการเทรดสินทรัพย์ Blockchain โดยจะอำนวยความสะดวกให้กับการเทรดและการโอนสินทรัพย์เหล่านี้ ซึ่ง Binance Chain ถูกออกแบบให้ใช้ได้ง่ายและมีสภาพคล่องมากโดย Binance Coin (BNB) ก็จะถูกอัพเดทเข้ามาใน Blockchain Mainnet ให้เป็นเหรียญตั้งต้น (native coin) และทาง Binance ก็จะเปลี่ยนรูปแบบจากเป็นแค่บริษัทมาสู่การเป็นกลุ่มชน (community)”
เอกสารจากทาง Binance ได้อธิบายถึงวัตถุประสงค์ของการสร้าง Binance Chain และ Binance DEX (เป็นเว็บเทรดที่ Decentralized จาก Binance Chain) ไว้คือ:
- จะไม่มีการเก็บรักษาทรัพย์เงินทุนของนักเทรดไว้ ซึ่งก็คือนักเทรดจะเป็นผู้ถือ private key และเก็บรักษาเงินของตนเอง
- มีประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้น: ย่นระยะเวลาการรับส่งข้อมูล, สามารถรองรับปริมาณข้อมูลได้มากขึ้น, สภาพคล่องของการเทรดสูงขึ้น, ทางทีมงานตั้งเป้าใหม่ไว้ว่าจะลดระยะเวลาของ block เหลือเพียง 1 วินาทีด้วยตัดขั้นตอนการคอนเฟิร์มครั้งสุดท้ายให้เหลือเพียงแค่ 1 ครั้ง
- ราคาถูกลง ทั้งค่าธรรมเนียมและต้นทุนสภาพคล่อง
- ใช้งานง่ายขึ้นพอ ๆ กับเว็บไซต์ของ Binance
- ลดขนาดฟ้อนต์
- สามารถพัฒนาต่อได้
ส่วนฟังก์ชั่นการทำงานของ Binance Chain ก็คือ
- ส่งและรับเหรียญ BNB
- ออกเหรียญใหม่
- ส่ง, รับ, burn/mint และ freeze/unfreeze โทเค็น
- สร้างคู่เทรดเหรียญระหว่างโทเค็นต่าง ๆ
- สร้างคำสั่งซื้อหรือขายจากคู่เทรดที่สร้างบน Chain
เพราะเหตุใดผู้คนจึงรู้สึกสนใจและตื่นเต้นกับ Binance Chain?
ในวันที่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมา นาย CZ ได้เปิดช่วงถามตอบเกี่ยวกับ Binance Chain เป็นครั้งที่สองโดยให้ผู้คนถามอะไรเขาก็ได้ ซึ่งเขาก็ได้พูดถึง Binance Chain ว่า:
“Binance Chain จะทำการอัพเดทเหรียญ BNB เข้ามาเป็นเหรียญ native ซึ่งทางเราก็อยากให้เหรียญ ERC-20 อื่น ๆ หันมาใช้ Binance Chain ด้วยเหมือนกันเพราะว่ามันให้ความเร็วมากกว่า และสร้างเหรียญง่ายกว่า ไม่ต้องมี smart contract เพื่อทำการโปรแกรม, มีความปลอดภัยสูงขึ้น, โอกาสที่จะเกิด bug น้อยลง ซึ่งจริง ๆ ก็มีโปรเจ็คประมาณ 8 อย่างที่ยืนยันว่าจะหันมาใช้ Binance Chain แทน ERC-20 ซึ่งก็ไม่ใช่โปรเจ็คเล็ก ๆ เสียด้วย”
นอกจากนี้ทาง Binance ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับทางผู้สื่อข่าว CNN ก่อนหน้านี้ไปด้วยว่า
“Binance Chain ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำให้การออกเหรียญและการเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลมีความสะดวกและง่ายมากขึ้น โปรเจ็คใด ๆ ก็สามารถออกโทเค็นบน Binance Chain ได้หรือแม้แต่โปรเจ็คที่ไม่ได้ใช้ smart contract ก็หันมาใช้ Binance Chain ได้ นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถหันมาเทรดกับทางเว็บเทรด Binance DEX ได้ซึ่งจะมีระยะเวลาการรับส่งข้อมูลที่เร็วขึ้นและรองรับปริมาณ Throughput ได้มากขึ้น”
ความเห็นของ CZ ถึงการเปรียบเทียบ Binance Chain กับ Ethereum
ทั้งนี้นาย CZ ก็ได้ออกมาโพสต์ทวิตเตอร์ถึงการที่ Binance ไม่ได้สร้าง Blockchain ขึ้นมาใหม่เพื่อท้าทายหรือฆ่า Ethereum แต่อย่างใด ทีมงานสร้าง Binance Chain ขึ้นมาก็เพื่อท้าทายตัวเราเอง
Thanks for the nice article! But almost too supportive. lol. @Binance_DEX does not challenge Ethereum, it doesn’t even have smart contracts. It challenges ourselves, exchanges. 🙂
— CZ Binance (@cz_binance) April 18, 2019
สิ่งที่ CZ พูดมีประเด็นอยู่ 2 อย่างคือ
- ไม่ได้ท้าทาย Ethereum
- ท้าทายตัวเราเอง, เว็บเทรดทั้งหลาย
อันที่จริง Binance Chain กับ Ethereum Blockchain นั้นก็มีความแตกต่างกันอยู่
-
- มีความ Decentralized น้อยกว่า เนื่องจากตอนแรกทาง Binance Chain จะมีตัวเครื่องมือตรวจสอบ หรือ validators น้อยเพราะต้องการป้องกันการโจมตี DDoS ซึ่งทาง Binance จะเป็นผู้เลือก validators เองจากพาร์ทเนอร์ที่ทางทีมงานไว้ใจ และจะเพิ่ม validator node เข้ามาภายหลัง ซึ่งในช่วงแรกทางทีมงานจะเข้ามามีอิทธิพลกับเครือข่ายค่อนข้างมากหากเทียบกับเครือข่ายอื่น ๆ เพราะมันยังใหม่อยู่แต่ภายหลังหากมีโหนดเข้าร่วมเครือข่ายมากขึ้นแล้ว การควบคุมเครือข่ายก็จะค่อย ๆ ลดลง
- มี Consensus Algorithm ที่แตกต่างกัน โดยทาง Binance ใช้ Tendermint’s consensus algorithm ซึ่งมีการทำงานที่ดีกว่า, มี Scalability มากกว่า, ใช้เวลาในการยืนยันครั้งสุดท้ายน้อยกว่าอัลกอริทึม Proof-of-Work (PoW) ของ Ethereum
- ไม่มีการซัพพอร์ต smart contract สาเหตุเพราะ Binance Chain จะเน้นไปที่ความเร็วมากกว่าความยืดหยุ่น เพราะฉะนั้น Binance DEX ก็จะสามารถจัดการกับการโหลดได้พอ ๆ กับแพลตฟอร์มเว็บเทรดของ Binance ซึ่ง CZ ก็ได้พูดถึงรายละเอียดของประเด็นนี้ว่า “เราใช้ Cosmo เพราะทาง Cosmo มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เรามากที่สุด และเราใช้ Tendermint ซึ่งเราทำการ fork และตัดหลาย ๆ อย่างออกไป เพราะฉะนั้น Binance Chain จะไม่มี smart contract เรามีแค่ interface สำหรับการออกเหรียญให้เท่านั้น และคุณก็สามารถทำการเทรดเหรียญได้ อีกทั้งเมื่อพูดถึงการใช้งานแล้ว Binance Chain ค่อนข้างจะใช้ง่ายและสะดวกและสามาถรับมือกับการโหลดจำนวนมาก ๆ ได้เพราะสำหรับเราการโหลดมันเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าตัวฟีเจอร์ ”
นอกจากนี้ CZ ยังย้ำด้วยว่าเราไม่ได้ไปท้าทาย Ethereum อีกทั้ง Blockchain ของ Ethereum ก็มีความยืดหยุ่นมากกว่า Binance Chain พร้อมกับโพสต์ทวิตเตอร์ว่า Ethereum ทำได้หลายอย่างในสิ่งที่ Binance Chain ทำไม่ได้
ETH can do a lot of other things Binance Chain can’t. @Binance_DEX just specialize on one use case.
— CZ Binance (@cz_binance) April 20, 2019
อย่างไรก็ตามแม้ CZ จะออกมากล่าวเช่นนั้นแต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Binance Chain ก็อาจเข้ามาเป็นคู่แข่งของ Ethereum ได้เพราะบางโปรเจ็คอาจไม่ได้ต้องการความยืดหยุ่นมากขนาดนั้น ซึ่ง Binance DEX ก็เข้ามาแก้ปัญหาสำคัญ ๆ หลายอย่าง
จากเหตุการณ์ของ Mt. Gox, Bitfinex, Cryptopia และ Quadriga ทำให้ผู้ใช้งานเว็บเทรดที่ Centralized ต่างตระหนักว่ามันปลอดภัยกว่าหากพวกเขาสามารถควบคุมสินทรัพย์คริปโตด้วยตัวเอง แม้ว่าวอลลุ่มการเทรดใน DEX จะน้อยกว่าในเว็บเทรดที่ Centralized อื่น ๆ แต่ผู้คนต่างก็คาดหวังว่า DEX จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น