<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ผู้เสียหายแชร์ลูกโซ่คริปโตร้องทุกข์สำนักนายก เผยอาจอายัดทรัพย์สินแม่ทีมที่เกี่ยวข้อง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ภายหลังจากที่ทางสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทยได้ออกมาประกาศถึงการรวบรวมรายชื่อผู้เสียหายจากแชร์ลูกโซ่บอทเทรด cryptocurrency เพื่อร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ว่าจะมีการดำเนินการในวันนี้ ล่าสุดได้มีรายงานจากทางสื่อกระแสหลักว่าอาจมีการดำเนินการให้ทาง ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้อง และอายัดทรัพย์สินแล้ว

รายงานจากสื่อ Thai PBS ในช่วงนาทีที่ 35:37 รายงานว่าตัวแทนผู้เสียหายกว่า 20 คนได้นำรายชื่อพร้อมหลักฐานจากการร่วงลงทุนในบริษัทที่อ้างว่าจะเอาบอท AI สำหรับเทรด cryptocurrency มาให้บริการ แต่จริง ๆ แล้วเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่อย่าง Monifinex, Tradenance, IFX, ICR, Gains Thailand System และ BERJA PAY ยื่นต่อนายสมพาศ นีรพันธ์ หรือที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว เพื่อให้นายสมพาศช่วยประสานงานต่อผู้เกี่ยวข้องต่อไป

รายงานเผนว่าบริษัทเหล่านี้ได้มีการชักชวนให้เหยื่อเข้ามาลงทุนในบริษัทดังกล่าว โดยมีการสัญญาผลตอบแทนที่สูงและแน่ชัด ทว่าภายหลังก็ปิดเว็บไซต์หนี และรวมความเสียหายมากกว่า 200 ล้านบาท

“ในเรื่องของแชร์ลูกโซ่ ภาคเอกชนที่ดำเนินการหลอกลวงประชาชนในรูปของแชร์ลูกโซ่เนี่ย ท่านนายกรัฐมนตรีและท่านรองนายกรัฐมนตรีพลเอกประวิตร ก็เป็นห่วงเป็นใยพี่น้องประชาชน ก็ได้มีคณะทำงานนะครับ โดยมอบหมายให้ทางสำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี มีการมอบหมายให้ผู้ตรวจการสำนักนายกท่านหนึ่งตั้งเป็นคณะทำงานแล้วก็ประสานงานบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นทางตำรวจ ทาง ปปง. แล้วก็หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกหลาย ๆ หน่วยงาน ร่วมกันดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในด้านนี้ครับ”

ร้องเรียน ปปง. หาทางยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ทาง Thai PBS ยังรายงานว่านายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช หรือประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย เคยนำหลักฐานการโอนเงินและพาตัวแทนผู้เสียหายของ 2,700 กว่ารายชื่อเข้าร้องเรียนต่อทาง ปปง. เกี่ยวกับธุรกิจแชร์ลูกโซ่ Monifinex

“เพื่อให้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินและอายัดทรัพย์สินผู้ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน Monifiex ซึ่งยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบพยานและหลักฐานของผู้เกี่ยวข้อง”

ที่น่าสนใจคือหนึ่งในผู้เสียหายนั้นได้ถูกชักชวนให้ลงทุนในธุรกิจดังกล่าว และเจ้าตัวได้หลงเชื่อ โดยได้โอนเงินเข้าไปประมาณ 3 แสนกว่าบาท ก่อนที่จะถูกเชิดเงินหนีไปในวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ภาพในข่าวยังแสดงให้เห็นถึง address Bitcoin ของมิจฉาชีพที่เข้ามาชักชวนเขาอีกด้วย

เมื่อราคาของ Bitcoin และเหรียญอื่น ๆ เพิ่มขึ้นนั้น ส่งผลทำให้มีผู้ที่เกิดความโลภ และเข้ามาในตลาดจำนวนมาก เพียงเพราะอยากจะได้ส่วนแบ่งเค้กไปจากตลาดด้วยการลงทุนด้วยเงินที่ตัวเองมีอยู่ ทว่าภายใต้โอกาสดังกล่าวนั้น ก็ยังมีมิจฉาชีพที่ค้นหาช่องทางการหากินจากความโลภของผู้คนด้วยการหลอกลวงให้มาลงทุนในแชร์ลูกโซ่ ดังนั้นนักลงทุนจึงควรที่จะพิจารณาให้ดีก่อนการลงทุน เนื่องจากว่าธุรกิจเหล่านี้มักจะมีการสัญญาผลตอบแทนที่แน่ชัด (กำไรกี่ % ภายในกี่เดือน) อีกทั้งยังอ้างว่าให้ผลตอบแทนสูง ที่ดูแล้วเกินความเป็นจริง

และโปรดจำไว้เสมอว่า

“หากมันได้เงินดีขนาดนั้น ทำไมเขาต้องมาชวนคุณ เขาเก็บไว้ทำเองรวยเองคนเดียวไม่ดีกว่าหรือ”

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น