<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ผู้เชี่ยวชาญค้นพบวิธีกู้ Bitcoin ที่ถูกขโมยไปกลับคืนมาได้แล้ว

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

มีนักลงทุนคริปโตรายหนึ่งออกมาเปิดเผยทางทวิตเตอร์ว่า “ฉันทำคริปโตของฉันหายไป มันเกิดขึ้นที่ เว็บเทรด CoinsMarkets หลังจากที่เว็บเทรดแห่งนี้ปิดตัวลง นักลงทุนทุกคนต่างไม่ได้เงินกลับคืนมาและเราก็ไม่ได้ติดต่อไปยังตำรวจหรือใครเลย”

เราได้เห็นปัญหาในโลกคริปโตคือมันมีเหรียญคริปโตมูลค่ากว่า 10 พันล้านดอลลาร์ที่ถูกขโมยและสูญหายไป ตอนนี้ทางด้านซีอีโอของบริษัท Coinfirm นาย Pawel Kuskowski จึงได้คิดค้นหาวิธีเพื่อให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของนักต้มตุ๋นหรือแชร์ลูกโซ่ที่แฝงตัวมาในรูปของการชักชวนให้ลงทุน สามารถนำเงินคริปโตเหล่านั้นของพวกเขากลับคืนมา

ทาง Coinfirm ได้ร่วมมือกับบริษัทด้านการสืบสวน Kroll และบริษัทที่ปรึกษา Duff & Phelps ในการเปิดตัว ReclaimCrypto ที่จะใช้วิธีแกะรอยผ่านทาง Blockchain และการสืบสวนทางกฎหมายเพื่อเฟ้นหาคริปโตที่สูญหายไปกลับคืนมา

ด้านคุณ Kuskowski ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง CoinDesk ด้วยว่า:

“ในตอนนี้ยังไม่มีเหยื่อรายใดสามารถไปขอความช่วยเหลือได้ มันเกือบจะเหมือนว่าผู้ที่ตกเป็นเหยื่อเหล่านั้นต้องขอร้องให้คนอื่นมาสนใจเรื่องของตนเอง ซึ่งในที่สุดแล้วก็ไม่ได้มีใครอยากจะเข้ามาสนใจ ทำให้พวกเขาต้องหาวิธีนำคริปโตที่หายไปกลับคืนมาด้วยตัวเอง หรือบางคนอาจจ้างทนายเข้ามาช่วย”

จากข้อมูลของบริษัท CipherTrace เปิดเผยว่ามันมีคริปโตมูลค่ากว่า 4 พันล้านดอลลาร์ได้หายสาบสูญไปในปีนี้ คุณ Kuskowski ก็คาดเดาว่าจำนวนคริปโตเหล่านั้นน่าจะรวมกับกรณีของ Mt Gox ด้วย ซึ่งกรณีของ Mt Gox นั้นผู้เสียหายก็ยังไม่ได้เงินคืนแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามบริการที่คุณ Kuskowski และทีมงานคิดค้นขึ้นนั้นไม่ได้ให้บริการกันฟรี ๆ เพราะมันจะมีการคิดค่าธรรมเนียมเป็นเคส ๆ ไป

“เราจะเริ่มจากการวิเคราะห์เคสก่อนว่ามีโอกาสที่จะเอาเงินคืนกลับมาได้มากน้อยแค่ไหนแล้วจึงเริ่มลงมือ ตอนนี้มันน่าจะมีมากกว่า 200 เคสแล้ว โดยรวมค่าธรรมเนียมของเคสที่เราทำให้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ” คุณ Kuskowski กล่าว

แล้วมันทำงานอย่างไร?

ทาง Coinfirm จะเริ่มต้นจากการหาประวัติการทำธุรกรรมจากเครือข่ายคริปโตโดยการใช้การวิเคราะห์ข้อมูลแบบ big data เหมือนกับของ Chainalysis และ Elliptic ซึ่งมันร่วมมือกับเว็บเทรดกว่า 50 แห่งสร้างฐานข้อมูลในพื้นที่ใกล้ ๆ เคียงกัน

ส่วนบริษัทพาร์ทเนอร์ Kroll จะดูในเรื่องของคำสั่งศาลเพื่อขอให้ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ IP address หรืออาจใช้อดีต FBI และ CIA ให้เข้ามาเจาะข้อมูลบนเว็บมือเพื่อดูกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเงินที่สูญหายไป

ทาง Kroll ได้ประสานงานกับสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ ด้วยเมื่อปีที่แล้วเพื่อช่วยจับขโมยที่ขโมย Bitcoin มูลค่ากว่า 27.8 พันล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ทาง Kroll ก็ให้บริการทางการเงินแบบพิเศษให้กับตลาดกฎหมายด้วยซึ่งบริษัทจะคิดค่าบริการ 30% ของเงินที่หายไปแล้วที่เหลือจึงจะคืนให้กับเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย

ผู้จัดการของ Kroll ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า:

“จากมุมมองของผู้เสียหายที่ตำรวจไม่สามารถเอาเงินของพวกเขากลับคืนมาได้ พวกเขาไม่ต้องใช้จ่ายอะไรเพื่อให้ได้อะไร และไม่มีใครพยายามที่จะเฟ้นหาเงินที่หายไปเพื่อเอามาคืนเจ้าของโดยไม่ได้รับอนุญาต มันทำให้เศรษฐกิจของการกู้เงินกลับคืนมานี้แตกต่างกับเศรษฐกิจอื่น ๆ เป็นอย่างมาก ซึ่งมันน่าสนใจ”

นอกจากนี้ทาง Kroll ก็มีเว็บมืดที่เชี่ยวชาญเฉพาะ Kroll Cyber ที่มีผู้ดูแลคืออดีตพนักงานสืบสวนคดีอาชญากรรมด้วย

“เราสร้างเว็บมืดนี้ขึ้นมาเพื่อค้นหาข้อมูลและวอลเล็ทเพื่อหาบุคคลที่เกี่ยวข้องกับวอลเล็ทนั้น อาจดูบทสนทนาเกี่ยวกับการขายบัตรเครดิตที่ขโมยมาหรือดูบทสนทนาที่มีบางคนเสนอให้บริการก่ออาชญากรรมโดยให้วอลเล็ทนั้นเป็น address”

ตามหาเงินที่หายไป

การที่จะหาคริปโตเพื่อเอากลับคืนมามันสามารถทำได้อยู่สองอย่างคือต้องหาว่าใครทำหรือไม่ก็ติดตามสายเงินนั้นไปซึ่งบริการของ ReclaimCrypto นั้นจะเน้นไปที่ Bitcoin และ Ethereum แต่ก็ยังให้บริการเหรียญอื่น ๆ เช่น XRP, BCH, LTC, NEO และ DASH ใครก็ตามที่ทำคริปโตหายอาจเข้าไปดูข้อมูลได้ที่นี่

ที่มา : coindesk

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น