<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

3 วิธีสร้างรายได้แบบ Passive income จาก Bitcoin และคริปโตที่ดีที่สุด

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นวัตกรรมและบริการต่างๆสำหรับการลงทุนในตลาดคริปโตเริ่มมีให้เลือกหลายหลายมากขึ้นตามการเติบโตของตลาด และเช่นเดียวกับการลงทุนและการออมเงินในตลาดเงินทั่วไป การลงทุนในสินทรัพย์คริปโตที่นั้นย่อมมีมากกว่าแค่การถือเหรียญในระยะยาว นอกจากนี้การลงทุนเพื่อขุดเหรียญนั้นเริ่มมีสัญญาณแสดงว่าวิธีการดังกล่าวนั้นเริ่มให้ผลกำไรที่ไม่น่าพอใจแล้วอีกด้วย ดังนั้นเราจึงขอนำเสนอวิธีการต่อไปนี้เป็นทางเลือกในการลงทุนสำหรับผู้ต้องการที่จะลงทุนในระยะยาวเพื่อการมีรายรับแบบสม่ำเสมอโดยไม่ต้องออกแรงมากนัก

1.รอรับดอกเบี้ยจากเหรียญคริปโตที่คุณถือ

หนึ่งในวิธีการที่คุณสามารถรอรับดอกเบี้ยจากสินทรัพย์คริปโตที่คุณมีอยู่คือการนำมันไปฝากกับบริษัทซึ่งให้บริการแพลตฟอร์มการให้กู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเช่น Celsius Network หรือ BlockFi โดยการเปิดบัญชีกับบริษัทดังกล่าว ทั้งนี้ผู้ฝากสามารถเลือกฝากเหรียญหลักๆในตลาดได้เช่น BTC, Ether หรือเหรียญหลักอื่นๆ เป็นต้น

อย่างไรก็ตามแม้ว่าบริษัทที่ได้กล่าวไปข้างต้นนั้นจะไม่มีการกำหนดปริมาณเหรียญขั้นต่ำของเหรียญที่สามารถฝากได้หรือกำหนดระยะเวลาฝาก-ถอนที่ตายตัว แต่อัตราดอกเบี้ยที่บริษัทเหล่านี้จะทำการจ่ายนั้นจะขึ้นอยู่กับช่วงปริมาณของสินทรัพย์ที่ได้ฝากไว้ เช่น บริษัท BlockFi จะทำการจ่ายดอกเบี้ยในอัตรา 6.2% ต่อปี หากมีการฝากเหรียญ BTC ตั้งแต่ 0 ถึง 5 เหรียญ แต่อัตราดังกล่าวนั้นลดลงอย่างมากเมื่อทำการฝากเกินกว่า 5 เหรียญ ซึ่งอยู่ที่ 2.6% ต่อปี

อีกกรณีหนึ่งที่คุณสามารถที่จะได้รับดอกเบี้ยจากสินทรัพย์คริปโตโดยเฉพาะในกรณีสินทรัพย์ที่ถือนั้นมีปริมาณไม่มากนัก โดยผู็ลงทุนสามารถที่จะนำเงินสดที่มีอยู่แปลงเป็นสินทรัพย์คริปโตที่มีความผันผวนต่ำอย่าง Stablecoin เช่น TRUEUSD จากนั้นจึงนำไปฝากในบริษัทซึ่งให้บริการกู้ยืมอย่าง Celsius Network โดยผู้ลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยราวๆ 10% โดยประมาณซึ่งมากกว่าการนำไปฝากธนาคารเสียอีก ทั้งนี้หากผู้ลงทุนต้องการที่จะใช้เงินสดก็สามารถที่จะนำสินทรัพย์คริปโตไปเป็นประกันในการกู้ยืมได้อีกด้วย

ทั้งนี้การฝากสินทรัพย์คริปโตไว้กับผู้ให้บริการต่างๆนั้นควรที่จะต้องทำด้วยความเข้าใจถึงผู้ให้บริการนั้นๆ รวมทั้งความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนข้อมูลและข้อตกลงเกี่ยวกับการประกันภัยต่อการลงทุนก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง

2.การลงทุนในเหรียญซึ่งใช้ระบบการเลือกผู้ประมวลผลบล๊อกข้อมูลแบบ “Proof of stake” 

การลงทุนในสินทรัพย์คริปโตซึ่งใช้ระบบดังกล่าวนั้นเป็นเสมือนการลงทุนในการขุดเหรียญ หากแต่ไม่จำเป็นต้องอาศัยพลังการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์แต่อย่างใด ซึ่งการลงทุนนั้นทำได้โดยผู้ลงทุนซื่งครอบครองเหรียญดังกล่าววางเหรียญไว้ใน Wallet กองกลางตามแต่เลือกสำหรับการสุ่มเลือกผู้ซึ่งจะได้รับรางวัลจากการประมวลผลบล๊อกข้อมูล เหรียญซึ่งใช้ระบบนี้มีให้เลือกมากมายเช่น Tezos, Dash, Stellar, และ Decred

ตัวเลือกอื่นๆในการลงทุนในเหรียญดังกล่าวยังมีอีกมาก เช่นผู้ลงทุนสามารถใช้ Wallet ซึ่งได้เปิดไว้กับ Coinbase หรือ Binance ในการลงทุน Stake เหรียญ Tezos ได้ หรือแม้แต่การที่ผู้ลงทุนสามารถดำเนินการกับเหรียญ XTZ ของตนภายในหน้าแสดงบัญชีได้เลย โดยแลกเปลี่ยนกับการหักค่าดำเนินการเพื่อจ่ายให้กับเหล่า Exchange นั่นเอง

นอกจากนี้แล้วการลงทุนแบบ Stake สำหรับเหรียญที่น่าสนใจอย่าง Cardano ซึ่งได้รับการอัพเดทครั้งใหญ่ภายได้โค้ดเนม “Shelley” หรืแแม้แต่ Ethereum ซึ่งอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบ Proof of stake เช่นเดียวกัน

อย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ การทำความเข้าใจกับตัวเลือกการลงทุนเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งในการลงทุนแบบ Stake นี้ ผู้ลงทุนควรพิจารณาอัตราผลตอบแทนในขณะที่ลงทุนหรือ ROIs รวมทั้งกรอบเวลาในการลงทุน-ถอนการลงทุนให้ชัดเจนสำหรับเหรียญแต่ละตัว ซึ่งในรูปแบบนี้ผู้ลงทุนสามารถเลือกละหว่างการรอรับเงินปันผลสำหรับกองเหรียญแต่ละกอง หรือเลือกที่จะมีโอกาสเป็นผู้ได้รับเลือกในการประมวลผลบล๊อกข้อมูลได้อีกด้วย

3.ให้กู้ยืมสินทรัพย์คริปโตที่คุณถือครองอยู่

คุณสามารถดำเนินการให้ผู้อื่นกู้ยืมสินทรัพย์คริปโตที่คุณถือครองอยู่ได้ หากแต่ต้องดำเนินการผ่านผู้ให้บริการสำหรับการจับคู่ระหว่างผู้ให้กู้และผู้ซึ่งต้องการกู้เป็นรายบุคคล หรือที่เรียกกว่า peer-to-peer lending ตัวอย่างผู้ให้บริการเช่น CoinLoan ซึ่งให้ผลตอบแทนการให้กู้ยืมสูงสุดถึง 12% หรือแม้แต่ทางบริษัท Binance ผ่านบริการ Binance Lending ในการสร้างดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทนได้อีกด้วย

ในการให้กูยืมนั้นผู้ลงทุนย่อมสามารถที่จะเลือกช่วงเวลาสำหรับการจำกัดการถอนสินทรัพย์ที่ให้กู้คืนได้ตั้งแต่เจ็ดวันไปจนถึงสามปี รวมไปถึงปริมาณสินทรัพย์ที่จะลงได้อีกด้วย ซึ่งตัวอย่างการลงทุนอย่างการให้กู้เป็น ETH นั้น ผู้ลงทุน 35 เหรียญในช่วงระยะเวลา 6 เดือนนั้นจะได้รับผลตอบแทนเป็นเหรียญ ETH จำนวน 2.1 เหรียญ เป็นต้น

บริษัท Bifinex นั้นยังเปิดให้บริการสำหรับการให้บุคคลอื่นกู้ยืมดังกล่าว โดยรองรับสกุลเงินคริปโตกว่า 24 สกุล ตัวอย่างเช่น BTC, EOS, NEO, ETH, และ DASH เป็นต้น โดยมีอัตราผลตอบแทนดีที่สุดที่ 0.02% ต่อวันคิดเป็นอัตรา 7% ต่อปีนั่นเอง โดยส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในช่วงระยะเวลาสั้นๆเนื่องจากผู้ลงทุนสามารถลงทุนดังกล่าวภายในกรอบเวลาสูงสุด 30 วันเท่านั้น

เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์สูงสุดของนักลงทุนแล้ว ผู้ลงทุนทุกคนควรที่จะศึกษาตัวเลือกการลงทุนของตัวเองให้ถี่ถ้วนก่อนการลงทุนทุกครั้ง เนื่องจากตัวเลือกแต่ละอย่างอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนทุกคน และหากผู้ลงทุนยังคงไม่มันใจในตัวผู้ให้บริการ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คงจะหนี้ไม่พ้นการถือเหรียญไว้ในระยะยาวด้วยตนเองอย่างแน่นอน

ที่มา : Bitcoinist 

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น