<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Tether เสกเหรียญ USDT ขึ้นมาอีกมูลค่ากว่า 1.8 พันล้านบาท คาดหวังกระตุ้นตลาด

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในช่วงสองวันที่ผ่านมา Tether Treasury ได้สร้างความสนุกสนานในการอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดที่มีมูลค่ากว่า 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแบ่งออกเป็น 3 รอบ รอบละ 60 ล้านดอลลาร์

เสกเงินขึ้นอีก 1.8 พันล้านบาท

อ้างอิงจากบัญชีผู้ใช้ Whale Alert (@whale_alert) ที่รายงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า Tether Treasury ได้พิมพ์เงินขึ้นอีกกว่า 60,000,000 ล้านดอลลาร์ในเหรียญ USDT ซึ่งเหรียญ stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสองวันที่ผ่านมา

ในขณะนี้ราคา Bitcoin ได้พุ่งทะลุระดับ $ 6,000 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหลายคนเชื่อว่าการพิมพ์เงินของ Tether ล่าสุดอาจเป็นตัวเร่งที่สำคัญสำหรับกรณีนี้ อย่างไรก็ตามในที่สุดสิ่งนี้อาจจบลง เว้นแต่ว่า Bitcoin จะสามารถรักษาความมั่นคงและยืนเหนือระดับแนวรับใหม่เอาไว้ได้

Tether ยังคงเป็นหนึ่งในเหรียญ stablecoin ที่ผู้คนมีการถกเถียงกันมากที่สุด เนื่องจากมันไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างถูกต้อง โดยเมื่อปีที่แล้วทางสยามบล็อกเชนได้รายงานแล้วว่า นักวิจัยชี้ Tether นั้นเป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลังการพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin ในปี 2017 อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาต่อมา Tether ก็ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว

การเติมเต็มสินค้าคงคลัง

ก่อนหน้านี้ Tether Treasury ได้มีการพิมพ์เงินขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งละ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐและครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 โดยนาย Paolo Ardoino CTO ของ Bitfinex ได้บอกกับผู้ติดตามของพวกเขาว่า การทำธุรกรรมเหล่านี้ยังไม่ได้ถูกส่งออกไปสู่ตลาด ซึ่งนั่นหมายความว่ามันเป็นครั้งที่สามแล้วที่ Tether Treasury อ้างว่านี่คือการเติมเต็มสินค้าคงคลังของพวกเขา อย่างไรก็ตามความจริงก็คือเหรียญ Tether (USDT) นั้นแทบจะไม่เคยเผาเหรียญทิ้งเลยสักครั้ง ดังนั้นอะไรคือการเติมเต็มสินค้าคงคลังของเหรียญ Stable coin ? ตามที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์คนหนึ่งได้ตั้งข้อสังเกตุเอาไว้ :

ในขณะที่เขียนรายงานอยู่นี้ราคาของ Bitcoin ยังคงพุ่งสูงขึ้นกว่าระดับ 6,000 ดอลลาร์และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ตลาดทั่วโลกจะยังคงตื่นตระหนกและสั่นคล่อน อย่างไรก็ตามเราต้องดูว่าการเติบโตเพิ่มขึ้นในครั้งนี้เป็นของจริงหรือเพียงแค่ถูกสนับสนุนโดยเหรียญ USDT ของ Tether ที่ถูกกำหนดมาเพื่ออัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดคริปโตเท่านั้น ซึ่งหากมันอย่างหลัง เราอาจจะได้เห็นตลาดร่วงลงอีกครั้งก็เป็นได้

ที่มา : beincrypto

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น