<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทระดับโลก ING เตือน ไม่มีหลักประกันว่าราคา Bitcoin จะพุ่งหลัง Halving

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

สำหรับนักเทรด Bitcoin ส่วนใหญ่นั้น พวกเขาคาดหวังว่าการ halving จะทำให้ราคานั้นพุ่งไปแตะ 100,000 ดอลลาร์ได้ตามที่คาดการณ์กันไว้หลาย ๆ คน แต่ดูเหมือนว่านักวิเคราะห์มืออาชีพรายหนึ่งนั้นจะไม่คิดเช่นนั้น

นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทระดับโลก ING นาย Carlo Cocuzzo ได้ออกมากล่าวแสดงความเห็นใน podcastของเขาว่าการพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงของ Bitcoin เมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมานั้นไม่สามารถที่จะช่วยการันตีการพุ่งขึ้นของราคาได้ พร้อมกล่าวว่าการที่มันมีจำนวนจำกัดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญนั้นเป็นกำแพงกั้นไม่ให้ราคามันสามารถพุ่งไปได้สูงกว่านี้

Blockchain ของ Bitcoin นั้นจำเป็นที่จะต้องมีนักขุดในเครือข่ายเป็นจำนวนมากเพื่อมาช่วยกันประมวลผลธุรกรรมบน ledger ของมัน แลกกับการที่เครือข่ายจะทำการจ่ายรางวัลให้นักขุดด้วยเหรียญ Bitcoin ที่ถูกขุดออกมาใหม่ และผู้ที่ได้รับเหรียญใหม่มานี้ก็จะนำมันไปขายในตลาด spot เพื่อนำมาใช้หล่อเลี้ยงธุรกิจการขุดของพวกเขา

ทว่าการการจ่ายรางวัลดังกล่าวนั้นจะลงครึ่งหนึ่งหนึ่งในทุก ๆ 4 ปีหรือที่เรียกว่าการ halving เพื่อไม่ให้เกิดอัตราเงินเฟ้อมากเกินไป ดังนั้นนั่นหมายความว่านักขุดที่เคยขุดด้วยต้นทุนที่เท่าเดิมนั้น กลับต้องพบว่ารายได้ของพวกเขาหดหายไปครึ่งหนึ่ง

ผู้คนที่ลงทุนซื้อเครื่องขุดของพวกเขามาเป็นจำนวนมากตั้งแต่ต้น ๆ นั้นจะได้เห็นการจ่ายรางวัลที่ลดลงในตลอดเวลาที่พวกเขาขุด โดยนาย Cocuzzo กล่าวว่า “ในวันหนึ่งการจ่ายรางวัลนั้นก็จะต้องจบลง” ทำให้นักขุดนั้นไม่มีรายได้อีกต่อไป

อุปสงค์ของเหรียญ

ความเห็นของนาย Cocuzzo นั้นดูเหมือนจะมีการกล่าวถึงราคาของ Bitcoin แม้กระทั่งจะมีการ halving ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วถึงสองครั้งก่อนหน้านี้ด้วยกัน โดยเฉพาะของปี 2016 ที่ทำให้ราคาของตลาด Bitcoin นั้นพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้ราคาเหรียญนั้นวิ่งไปจาก 500 ดอลลาร์ไป 20,000 ดอลลาร์ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น

แต่กระนั้น การขึ้นของราคาดังกล่าวนั้นดูเหมือนว่าจะมีตัวแปรที่มาจากหลาย ๆ อย่างด้วยกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือกระแสการลงทุน ICO ซึ่งถือเป็นกระแสที่เราได้เห็นบริษัทด้าน Blockchain เกิดใหม่มาพร้อมเหรียญคริปโตของพวกเขาเพื่อมาเสนอขายเป็นจำนวนมากเหมือน ๆ กับวิกฤตฟองสบู่ดอทคอมที่เรารู้จักกันดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีส่วนช่วยในการผลักดันให้ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ไปจนถึงจุดที่เกิดฟองสบู่ขึ้น

ดังนั้นภายหลังจากการ halving ครั้งที่สามที่เพิ่งเกิดขึ้นไปไม่นานนี้ ความสำคัญของมันก็คืออุปสงค์ล้วน ๆ ซึ่งก็เหมือนกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ชอบออกมากล่าวไว้เกี่ยวกับวิกฤตโรคระบาดของไวรัสโคโรน่าที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก และทำให้รัฐบาลทั่วโลกนั้นต้องออกมาพิมพ์เงินเพื่อหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ ทว่าการพิมพ์เงินที่ออกมามากเกินไปนั้นเสี่ยงต่อการทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในระยะยาว

นักลงทุน Bitcoin สายกระทิงเชื่อว่าการลดมูลค่าลงของเงินสดที่พวกเขาถืออยู่นั้นอาจทำให้พวกเขาต้องหันไปถือ Bitcoin ในท้ายสุด

Bitcoin กับเงินสดนั้นไม่เหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม นาย Cocuzzo กล่าวว่าอรรถประโยชน์การใช้งานระหว่างเงินสดและ Bitcoin นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เมื่อเงินสดนั้นมีกรณีการใช้งานที่เฉพาะตัวของมัน แต่ Bitcoin นั้นไม่ใช่

“ผู้ที่เชื่อใน Bitcoin คิดว่ามูลค่าของมันนั้นจะเพิ่มขึ้นเพราะว่าอุปทานที่ถูกจำกัดไว้ ซึ่งสวนทางกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสกุลเงินอื่น ๆ” กล่าวโดยนาย Cocuzzo กล่าวต่อไปอีกว่า “แต่ Bitcoin นั้นไม่ใช่สกุลเงิน มันไม่ได้มีประโยชน์ในด้านการทำธุรกรรม”

เขากล่าวว่า Bitcoin นั้นอาจหรืออาจจไม่เป็นตัวเก็บมูลค่า แต่ในตอนท้ายสุดนั้น ไม่มีใครสามารถที่จะทราบได้ถึงมูลค่าที่แท้จริงของมัน